ไวรัสที่ทำให้เสียชีวิตมากที่สุด (ครั้งที่สอง) | Kurzgesagt

🎁Amazon Prime 📖Kindle Unlimited 🎧Audible Plus 🎵Amazon Music Unlimited 🌿iHerb 💰Binance

วิดีโอ

สรุป

สัตว์ประหลาดไม่กี่ตัวที่วิวัฒนาการสร้างขึ้นมา ประสบความสำเร็จในการทำร้ายเรา

ในฐานะของไวรัสวาริโอลา ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคฝีดาษ

การสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นนั้นน่ากลัวและไร้ความปราณีมาก จนเป็นครั้งแรกที่บังคับให้มนุษยชาติต้องลงมืออย่างแท้จริง

มันเป็นหนึ่งในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์เรา ที่เอาชนะพลังอันเก่าแก่ของธรรมชาติ

ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นได้จาก… วัว

[INTRO]

วาริโอลาคือไวรัส เป็นเครื่องจักรขนาดเล็ก ที่พยายามแพร่พันธุ์ตัวเองเท่านั้น

หลักฐานของมันถูกพบในมัมมี่อียิปต์และ ในงานเขียนจากอินเดียและจีนที่มีอายุ 3,000 ปี

1,300 ปีที่แล้ว โรคฝีดาษคร่าชีวิตประชากรญี่ปุ่นไปมากถึงหนึ่งในสาม

ในปีค.ศ. 1600 โรคนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุการตายที่สำคัญทั่วโลก

ในยุโรปช่วงปลายศตวรรษที่ 18 มันคร่าชีวิตผู้คนไป 400,000 คนต่อปี

หนึ่งในสามของผู้ที่เป็นโรค ตาบอดเนื่องจากไวรัสนี้

แม้แต่ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในประวัติศาสตร์ มันก็ยังคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 300 ล้านคน

โรคฝีดาษเป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายที่กลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อฆ่า ทำให้พิการ และทำลายสังคม

วาริโอลาเป็นอันตรายถึงตายมาเป็นเวลานาน อย่างน่าเหลือเชื่อได้อย่างไร?

และทำไมเราถึงลืมความน่ากลัวของมันได้เร็วขนาดนี้?

ในปี 2023 เหลือห้องปฏิบัติการเพียง 2 แห่ง ที่ยังเก็บไวรัสนี้ที่ยังมีชีวิตสำหรับการวิจัยอย่างเป็นทางการ

ในโคลท์โซโว, รัสเซีย และในแอตแลนตา, สหรัฐฯ

แน่นอนว่าเป็นความคิดที่ดี เพราะมันก็คงจะไม่มีอะไรผิดพลาดหรอก?

ลองสมมติว่าเกิดเหตุการณ์ผิดพลาด ที่ไวรัสแพร่ออกไปและคุณติดเชื้อ

จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณบ้าง?

วาริโอลาแพร่เชื้อได้สูงและจับตัวเป็นละอองเล็กๆ ซึ่งคุณหายใจเข้าไป

ทันใดนั้นมันเริ่มติดเชื้อในเซลล์ที่เรียงตัวในคอของคุณ และเริ่มฆ่าเซลล์เพื่อสร้างความโกลาหล

เพราะอะไรกัน?

เพื่อหลอกให้ร่างกายของคุณทำงาน

เมื่อใดก็ตามที่เซลล์ในร่างกายของคุณตายอย่างรุนแรง

เซลล์ภูมิคุ้มกันของคุณจะรีบไปยังตำแหน่ง ที่เกิดการติดเชื้อทันทีเพื่อช่วยเหลือ

ในกรณีนี้ส่งผลย้อนกลับอย่างน่าสยดสยอง

เมื่อเซลล์ภูมิคุ้มกันเริ่มทำความสะอาดเซลล์ที่ตายแล้ว กินไวรัส และฆ่าเซลล์ที่ติดเชื้อ

วาริโอลาจะแพร่เชื้อไปยังเซลล์สำคัญ ของระบบภูมิคุ้มกันของคุณ ได้แก่ เซลล์เดนไดรต์

เซลล์หน่วยข่าวกรองที่รวบรวมข้อมูลและ ออกจากสนามรบเพื่อขอความช่วยเหลือ

พวกมันเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองของคุณ ซึ่งเป็น เครือข่ายทางหลวงที่ครอบคลุมทั่วทั้งร่างกายของคุณ

และเชื่อมต่อกับฐานภูมิคุ้มกันหลายร้อยแห่ง

ในฐานเหล่านี้ การป้องกันอันหนักหน่วงขอบคุณถูกเปิดใช้งาน และควรเป็นสถานที่สุดท้ายที่ศัตรูต้องการบุก

แต่วาริโอลาต้องการมาที่นี่

ในเวลาประมาณ 12 วัน ไวรัสจะแพร่ระบาดอย่างเงียบๆ ในเซลล์พลเรือนและเซลล์ภูมิคุ้มกัน

กระโดดจากเซลล์หนึ่งไปอีกเซลล์ เพื่อแพร่เชื้อในเซลล์เหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงจุดหนึ่งจนเริ่มวิกฤติ วาริโอลาก็เริ่มโจมตีจริง

ไวรัสหลายล้านตัวใช้เส้นทางน้ำเหลืองไหลเข้าสู่กระแสเลือด และอวัยวะของคุณ และทำให้ร่างกายของคุณติดเชื้อ

ทันใดนั้นวาริโอลาก็อยู่ทั่วร่างกายของคุณ

แต่ถึงแม้จะมีการโจมตีไปทั่วทั้ง ระบบภูมิคุ้มกัน ที่ปรับตัวได้ของคุณก็ยังพยายามที่จะกระตือรือร้น

เซลล์ภูมิคุ้มกันของคุณมองหาและใช้เครื่องส่งสัญญาณที่สำคัญ ที่เรียกว่า อินเตอร์เฟียรอน เพื่อระดมร่างกายให้ต่อต้านไวรัส

อินเตอร์เฟียรอน ตามที่ชื่อของมันบอก แทรกแซง (interfere)

สามารถชะลอการติดเชื้อไวรัสได้มาก และยังเปิดใช้งานอาวุธต่อต้านไวรัสนับล้านอย่างรวดเร็ว

แต่วาริโอลาสามารถปิดการทำงานของอินเตอร์เฟียรอนได้ ซึ่งทำให้การป้องกันไวรัสของระบบป้องกันของคุณมึนงง

ระบบอื่นๆ มักเข้ามาช่วย เช่น ระบบคอมพลีเมนต์ ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดเคลื่อนที่ประเภทหนึ่งที่สามารถทำลายไวรัสได้

แต่วาริโอลาก็สามารถปิดระบบนี้ได้เช่นกัน

ดังนั้น ด้วยการต้านทานเพียงเล็กน้อย วาริโอลาจึงแพร่กระจายไปทุกที่

และทำให้เซลล์หลายพันล้านเซลล์ทั่วทั้งร่างกายของคุณติดเชื้อ

ในบรรดาผู้ติดเชื้อ ได้แก่ เส้นเลือดฝอย เป็นเส้นเลือดที่เล็กที่สุดในร่างกาย จึงตายเป็นจำนวนมาก

ความตายทั้งหมดนี้กระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกัน ที่คุณไม่ต้องการจริงๆ ในตอนนี้

แต่มันถูกดึงดูดโดยความตาย ได้แก่ นิวโทรฟิล

โดยปกติแล้วนักฆ่ามักจะใช้ได้ผลกับผู้บุกรุกทั้งน้อยและใหญ่ แต่ก็ใช้ไม่ได้ผลมากนักกับโรคฝีดาษ

และที่แย่กว่านั้น นิวโทรฟีลต่อสู้ด้วยการคายสารเคมีร้ายแรงออกมา ซึ่งจะทำลายเซลล์ของคุณมากขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ มันยังสั่งให้เกิดการอักเสบ ซึ่งทำให้ ของเหลวที่ไหลจากหลอดเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อของคุณ

ทั่วทั้งร่างกายของคุณ ตั้งแต่ล้านเซลล์แรก ไปจนถึงหลายพันล้านเซลล์ของคุณต้องตาย

ตัวคุณจะมีแต่ผื่น ซึ่งมันมีแต่จะแย่ลงไปเรื่อยๆ

เกิดหนองและเซลล์ขยะเต็มไปหมด ขณะที่ร่างกายของคุณบวมขึ้นด้วยรอยแผลหลายร้อยแห่ง

ทั่วผิวหนังและภายใน แม้แต่ในอวัยวะของคุณ ล้วนเต็มไปด้วยไวรัสวาริโอลาหลายพันล้านตัว

ตอนนี้ระยะวิกฤตเริ่มขึ้นแล้ว

ในขณะที่คุณต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด คุณจะมีอาการไข้ขึ้นสูง

สมรภูมินับพันระบายเลือดที่ไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อและอวัยวะของคุณ

การแข็งตัวของเลือดจะเกิดขึ้นทั่วทั้งร่างกายของคุณ

ขณะที่สารพิษจากเซลล์ที่ตายแล้วไหลมารวมกัน จนสามารถทำให้อวัยวะต่างๆ ล้มเหลวได้

ปอดของคุณเต็มไปด้วยของเหลว ทำให้หายใจลำบากขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งในสองสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นในขณะนี้ คือ ระบบภูมิคุ้มกันของคุณต่อสู้กลับ

อาวุธหนักถูกส่งออกไป ฆ่าเซลล์ที่ติดเชื้อ กำจัดเชื้อนับพันทีละตัว ฆ่าวาริโอลาทุกที่ที่มันพบ เพื่อให้คุณเริ่มฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ

ระบบภูมิคุ้มกันจะจำวาริโอลาตลอดไป ทำให้คุณมีภูมิคุ้มกันไปตลอด

หรือคุณอาจตาย โดยที่เต็มไปด้วยการติดเชื้อ และระบบภูมิคุ้มกันของคุณตื่นตระหนกต่อการติดเชื้อทั่วทั้งร่างกาย

ประมาณหนึ่งในสามของผู้ที่เป็นโรคฝีดาษจะไม่รอดชีวิต

และหากคุณรอดชีวิต คุณก็มีโอกาสเป็นแผลเป็น และอาจสูญเสียการมองเห็นหรือการได้ยิน

เป็นเวลาหลายพันปีที่โรคร้ายนี้ทำลายล้างโลก ทิ้งไว้เพียง ความตายและการทำลายล้าง ทำให้ผู้รอดชีวิตบอบช้ำและพิการ

จนกระทั่งวันหนึ่ง มนุษยชาติก็บอกว่า “พอกันที”

โรคฝีดาษเป็นหนึ่งในโรคที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยรู้จัก

เป็นสัตว์ประหลาดที่ฆ่า ทำลายครอบครัว ทำให้ชีวิตพังทลาย

คุณไม่สามารถทำอะไรเพื่อผู้ติดเชื้อได้ แต่ผู้คนสังเกต เห็นว่าหากคุณรอดชีวิต แสดงว่าคุณมีภูมิคุ้มกัน

ด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาจึง คิดวิธีฝึกปลูกฝีดาษที่อาจเป็นอันตรายได้

โดยการนำสะเก็ดจากผู้ที่ติดเชื้อที่เป็นโรคฝีดาษ ที่มีอาการไม่รุนแรงมาทำให้มันแห้งแล้วบดเป็นผงละเอียด

จากนั้นเป่าผงแป้งเข้ารูจมูกของผู้ป่วยหรือใช้แป้งเกาที่ผิวหนัง

หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พวกเขาก็จะเป็นโรคฝีดาษ ในแบบที่ไม่รุนแรง และยังมีภูมิต้านทานกับโรค

การปลูกฝีดาษอาจได้ผล เพราะมันแนะนำให้รู้จักวาริโอลา ซึ่งเป็นไวรัสที่ร่างกายยังไม่ได้เตรียมตัวพร้อม

และปิดการใช้งานเทคนิคที่น่ารังเกียจส่วนใหญ่ของมัน

และเนื่องจากเชื้อถูกทิ้งไว้ให้แห้ง ทำให้ไวรัสเสียหาย จึงไม่สามารถทำให้เกิดโรคได้เต็มที่

น่าเสียดายที่ 2-3% ของผู้ป่วยทั้งหมดยังคงเสียชีวิต เพราะเป็นโรคฝีดาษหรือเป็นโรคอื่นๆ อันเป็นผลมาจากการรักษา

ถึงอย่างนั้น โรคฝีดาษก็เป็นโรคที่น่ากลัวและเลี่ยงไม่ได้ในระดับหนึ่ง ที่ผู้คนเลือกเสี่ยงภัยเพื่อตนเองและเพื่อลูกหลานของพวกเขา

การปลูกฝีดาษกระจายไปทั่วโลก ในขณะที่วาริโอลายังคงคร่าชีวิตผู้คนนับล้าน

การจะเอาชัยชนะเหนือไวรัสกลายเป็นความเป็นไปได้จริง

เมื่อนักวิทยาศาสตร์ตระหนักว่า มันไม่จำเป็นต้องปลูกฝีดาษด้วยโรคฝีดาษของจริง

แต่จะปลอดภัยกว่ามากหากใช้วัสดุจากฝีดาษวัว ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลกับวัวอย่างน่าประหลาดใจ

เป็นขั้นตอนแห่งการปฏิวัติที่แท้จริง และเพียงไม่กี่ปีต่อมา สิ่งนี้นำไปสู่ความสำเร็จที่โดนเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษยชาติ

นั่นคือ การฉีดวัคซีน

นวัตกรรมนี้นั้นเรียบง่ายมาก

เนื่องจากแทนที่จะใช้ไวรัสจริงๆ เพื่อฝึกระบบภูมิคุ้มกัน

ให้ใช้ไวรัสที่เกี่ยวข้องกัน นั่นก็คือ ฝีดาษวัว ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่รุนแรงแล้วแต่ก็ยังให้ภูมิคุ้มกันกับคุณด้วย

ถึงอย่างนั้นก็ต้องใช้เวลาอีก 200 ปี ที่ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน ได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเท่าที่จะทำได้

จัดส่งวัคซีนไปยังสถานที่ที่ห่างไกลที่สุดในโลก

ทำทั้งหมดในขณะที่โรคกำลังระบาดต่อไป คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 300 ล้านคนเพียงแค่ในศตวรรษที่ 20 เท่านั้น

ในปี 1966 องค์การอนามัยโลกตัดสินใจว่ามนุษยชาติ จะต้องร่วมมือกันในความพยายามครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย

มีการสร้าง “เครือข่ายข่าวไข้ทรพิษ” ระดับโลก ซึ่งอิงจากผู้อยู่อาศัยตามจุดต่างๆ ที่มีคนอยู่หนาแน่น

เพื่อจัดการกับการระบาดของไวรัสในท้องถิ่น

มีการล้อมพื้นที่เมื่อเกิดการระบาด มีการฉีดวัคซีนป้องกัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเพิ่ม

โรคฝีดาษแพร่ระบาดในมนุษย์เท่านั้น หากเราหยุดห่วงโซ่การแพร่เชื้อของมนุษย์ เราก็หยุดไวรัสได้

การติดเชื้อตามธรรมชาติครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 1977

และในปี 1980 แม้จะผ่านไปเพียง 200 ปี นับตั้งแต่มีการใช้วัคซีนครั้งแรก

โรคฝีดาษก็ถูกประกาศว่าถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว

วาริโอลาที่เป็นภัยพิบัติของมนุษยชาติได้ตายไปแล้ว

จะไม่มีเด็กคนใดถูกฆ่าตายอีกต่อไป ไม่มีแม่ พี่ชาย ลุงหรือญาติๆ ถูกมันฆ่าตายอีกต่อไป

เป็นเรื่องยากที่จะถ่ายทอดให้ผู้คน ในปัจจุบันทราบถึงชัยชนะอันน่าเหลือเชื่อนี้

สัตว์ประหลาดที่โหดร้ายและอันตรายที่สุด ตัวหนึ่งที่ตามล่าเรามานับพันปี

ถูกสังหารโดยพวกเรา โดยลิงที่มีเข็มแหลมคม

วันนี้เราอยู่ในยุคเรืองปัญญา พวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่ ในทุกวันนี้ไม่มีใครถูกปีศาจโรคฝีดาษตามหลอกหลอน

แต่แสงสว่างนี้ไม่ได้มาจากธรรมชาติ

มันถูกสร้างขึ้นจากความตั้งใจจริงของมนุษยชาติ ที่ต้องการอยู่รอดจากสัตว์ประหลาดที่หลอกหลอนเรา

แต่เนื่องจากเราอยู่โดยที่ไม่มีพวกมันแล้ว เราจึงลืมไปว่ามันเคยมีอยู่ และพวกมันมีอยู่จริง

อาจมีโรคเกิดขึ้นอีก หรือโรคใหม่อาจเกิดในป่า ตลาดสด หรือห้องทดลอง พวกมันก็พร้อมจะโจมตีเราอีกครั้ง

เราลืมไปว่าวัคซีนที่เป็นของขวัญอันน่าทึ่งคืออะไร และเราต้องต่อสู้อย่างหนักเพียงใดเพื่อให้ได้มันมา

เรายังคงได้รับการปกป้องจากแสงสว่าง แต่มันก็เริ่มเย็นลงทุกวัน

และเราเป็นหนี้กับคนที่จะเกิดหลังจากนี้ เพื่อทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่กลับมาอีก

เราฆ่าสัตว์ประหลาดตัวหนี่งได้แล้ว เราก็สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดได้อีก

วิดีโอนี้ได้รับการสนับสนุนโดย Open Philanthropy

คุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเกี่ยวกับโลกแห่งชีววิทยาที่น่าทึ่งต่อไหม?

เราเตรียมมาให้คุณแล้ว!

มาลองดูร่างกายมนุษย์อย่างใกล้ชิดกันดีกว่า

นี่คือแขน และนี่คือเซลล์ของมนุษย์

ในระยะจุลทรรศน์ที่ทุกสิ่งเกิดขึ้น ที่ที่มีการสู้รบ ที่สำคัญทั้งหมด และที่ที่คุณถูกสร้างขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แม้ว่าจะเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของชีวิต แต่เซลล์ก็ซับซ้อนมาก

แต่อย่ากังวลไปเลย เพราะเราจัดการรวมทุกสิ่ง ที่คุณจำเป็นต้องรู้ไว้ในโปสเตอร์แผ่นเดียวแล้ว

ในแบบฉบับของ Kurzgesagt นั้นง่ายต่อการเข้าใจ และยังง่ายต่อการมองเห็นอีกด้วย

การจับหัวข้อที่ซับซ้อนจะง่ายกว่ามาก เมื่อนำเสนอด้วยวิธีที่น่าตื่นเต้น

โปสเตอร์ได้รับการค้นคว้าและออกแบบ โดยร่วมมือกับนักชีววิทยาระดับโมเลกุล James Gurney

ดังนั้นจึงได้รับการอนุมัติจากผู้เชี่ยวชาญ และมีเนื้อหาล้ำสมัยล่าสุดทั้งหมด

เกี่ยวกับออร์แกเนลล์ หน้าที่ของมัน และตำแหน่งของมันในโลกของเซลล์

เราชอบนำวิทยาศาสตร์มาสู่บ้านของคุณด้วยวิดีโอของเรา และเรารู้สึกตื่นเต้นมากทุกครั้งที่ได้ลงมือทำจริงๆ

นี่คือเหตุผลที่เราใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมง ในการสร้างโปสเตอร์วิทยาศาสตร์ของเรา

ซึ่งทั้งหมดนี้ค้นคว้าด้วยความเอาใจใส่ และสร้างขึ้นด้วยความรักจากพวกเรา Kurzgesagt

เราชอบที่มีผู้ชมที่มีความอยากรู้อยากเห็น

และเราต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ

และเหล่าเบิร์บทุกคนในชีวิตของคุณได้เรียนรู้ทุกอย่าง เกี่ยวกับชีววิทยา อวกาศ มนุษย์ และชีวิต

ซื้อโปสเตอร์เซลล์มนุษย์ได้แล้วตอนนี้ที่ร้านค้า Kurzgesagt และสนับสนุนวิสัยทัศน์ของเราที่จุดประกายความอยากรู้อยากเห็น

[OUTRO]

translated by anothertemp_