มนุษย์สุดท้าย - แสงสะท้อนในอนาคตไกล | Kurzgesagt

🎁Amazon Prime 📖Kindle Unlimited 🎧Audible Plus 🎵Amazon Music Unlimited 🌿iHerb 💰Binance

วิดีโอ

สรุป

อนาคตของมนุษยชาติดูไม่มั่นคง

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรวดเร็ว ความต่างทางการเมือง ความโลภ ความล้มเหลว

ทำให้ยากต่อการมองเผ่าพันธุ์ของเราในแง่ดี

และทำให้หลายคนคิดว่า จุดจบของเราใกล้เข้ามาแล้ว

แต่มนุษย์มักคิดว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ในยุคสุดท้าย

คนในทุกๆ ยุคถือว่าพวกเขานั้น สำคัญพอที่จะเป็นสักขีพยานในวันสิ้นโลก

แต่แล้วชีวิตก็ดำเนินต่อไป

นี่กลายเป็นปัญหา เพราะมันนำไปสู่การคิดในระยะสั้นๆ

และกันไม่ให้เราสร้างโลกที่ดีที่สุด สำหรับพวกเราและลูกหลานของเรา

สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือเราอาจจะ ‘กำลัง’ อยู่ใน ช่วงเวลาที่วิกฤตอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษย์

เพื่อที่จะเข้าใจว่าทำไม ลองดูที่ กรอบเวลาของมนุษยชาติและตั้งคำถาม

มนุษย์คนสุดท้ายจะเกิดเมื่อใด และจะมีมนุษย์อีกกี่คนที่เกิดมา?

[INTRO]

การคาดการณ์เหล่านี้ ตามมาด้วยความไม่แน่นอนมากมาย

ดังนั้นโปรดรับไว้เฉกเช่นเกลือหนึ่งกำมือ

เพื่อให้ทราบว่าจะมีมนุษย์เกิดอีกกี่คน ให้เราลองดูว่ามีมนุษย์เกิดมาทั้งหมดกี่คนแล้ว

มนุษย์สมัยใหม่ถือกำเนิดขึ้น เมื่อประมาณ 200,000 ปีก่อน

พวกเขาเชี่ยวชาญด้านการ สร้างเครื่องมือ เล่าเรื่องราว คิดเชิงนามธรรม

วางแผนและทำงานร่วมกันในกลุ่มขนาดใหญ่ นอกเหนือจากครอบครัวที่ใกล้ชิด

ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ยังมีจำนวนไม่มากนัก

อาหารส่วนเกินน้อย เอาตัวรอดยาก อายุขัยต่ำ

เราใช้เวลา 150,000 ปี ในการเพิ่มประชากรเป็น 2 ล้านคน

การปรับปรุงค่อยเป็นค่อยไป จนในที่สุด ก็นำไปสู่การปฎิวัติทางการเกษตร

ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา

นี่เป็นช่วงเวลาที่ตัวเลขของเราเริ่มเพิ่มขึ้นจริงๆ

ต้องใช้เวลาอีกกว่าหมื่นปีถึงจะได้ 300 ล้าน

แต่การเพิ่มขึ้นนั้นถูกบดบัง ด้วยการปฎิวัติอุตสาหกรรม

ในปี 1800 มีมนุษย์ถึงพันล้านคน

ประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้นสองเท่าใน 120 ปี และเพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อ 50 ปีก่อน

ทุกวันนี้ พวกเรามีจำนวนประมาณ 8 พันล้านคน

โดยรวมแล้ว ในช่วงสองแสนปีที่ผ่านมา มนุษย์ประมาณ 117 พันล้านคนเกิดและมีชีวิตอยู่

และอีกประมาณ 109 พันล้านคนที่ตายไปแล้ว

หมายความว่าตอนนี้ประมาณ 7% ของมนุษย์ทั้งหมดที่เคยมีชีวิต ยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้

มีจำนวนมากที่สุดเท่าที่เกิดในช่วง 150,000 ปีแรกของประวัติศาสตร์มนุษย์

ทุกๆ นาทีจะมีเด็ก 270 คนเกิดมา

แต่ไม่ใช่แค่คนจำนวนมากขึ้นเท่านั้น

เราไม่เคยสุขภาพดีขึ้นและมั่งคั่ง หรือมีอายุยืนยาวเท่านี้มาก่อน

ด้วยมาตรฐานการครองชีพที่เพิ่มขึ้น และอัตราการเกิดที่ลดลง

ยูเอ็นคาดการณ์ว่าประมาณปี 2100

เราจะถึงจุดที่มีประชากรสูงที่สุด และจะมีคนเกิด 125 ล้านคนในแต่ละปี

มันเป็นไปไม่ได้มาก ที่อัตราการเกิดจะคงที่ตลอดไป

แต่ลองคิดเป็นอย่างนั้น เพื่อให้ การทดลองทางความคิดของเราง่ายขึ้น

จะมีผู้คนในอนาคตอีกกี่คน ขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ของเราว่าจะตายเมื่อใด

และเราจะพบกับความไม่แน่นอนมากมาย

เราสามารถทำลายตัวเอง ด้วยสิ่งประดิษฐ์ของเราเอง

แต่เรายังสามารถหาทางแก้ เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากภัยพิบัติได้

เราสามารถเปลี่ยนทิศทางของ ดาวเคราะห์น้อยที่จะทำลายโลกได้

แต่เราก็ยังคิดค้นอาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย

เราค้นพบยาปฏิชีวนะ แต่ก็ยัง เป็นพาหะนำโรคไปทั่วโลกในเวลาไม่กี่วัน

ระบบอุตสาหกรรมของเราทำให้ เรามีมาตรฐานการครองชีพที่น่าเหลือเชื่อ

แต่ก็ยังเปลี่ยนแปลงชั้นบรรยากาศด้วย

มันยากมากที่จะบอกว่าความฉลาดของมนุษย์ จะทำให้อายุขัยของเผ่าพันธุ์เรายาวขึ้นหรือสั้นลง

หากสิ่งต่างๆ เริ่มแย่ จุดจบของเราก็อาจเกิดขึ้นทันที

แต่ถ้าเราหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นได้ เราอาจจะอยู่ต่อไปได้อีกนาน

ดังนั้นในทุกๆ วันที่เราไม่ทำลายตัวเอง อาจหมายถึงชีวิตของมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน

เรากำลังพูดถึงมนุษย์จำนวนกี่คน?

มันขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ของเรา ว่าจะขยายตัวออกไปได้ไกลแค่ไหน

สถานการณ์ที่ 1: มนุษย์จะไม่มีวันออกจากโลกไป

หากเราอาศัยอยู่บนดาวบ้านเกิด

ตัวชี้วัดที่ดีที่ควรพิจารณา คืออัตรา การสูญพันธุ์ของสัตว์ที่ได้จากบันทึกฟอสซิล

อายุขัยเฉลี่ยของสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ที่ 1 ล้านปี บางสายพันธุ์อยู่รอดได้ถึง 10 ล้านปี

เผ่าพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเรา อย่างโฮโม อีเร็กตัส อยู่รอดได้ถึง 1.9 ล้านปี

ลองสมมติว่ามนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้เป็นล้านปี ซึ่งเหลือเวลาอีก 800,000 ปีให้ใช้เล่นๆ

สมมติว่าอัตราการเกิดคงที่ ที่ 125 ล้านคนในแต่ละปี

หมายความว่ามีมนุษย์อีกประมาณ 100 ล้านล้านคนรอที่จะเกิด

มากกว่าจำนวนคนที่เคยมีชีวิตอยู่ถึง 850 เท่า

นี่จะทำให้ทุกคนที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพียง 0.008% ของคนที่กำลังจะมีชีวิตอยู่

ลองคิดดูว่าสิ่งนี้จะทำให้คุณอยู่ตรงไหน

แทนที่จะวางให้คุณอยู่ที่จุดสิ้นสุด ของความยุ่งเหยิงที่เคยเป็นอดีตของเรา

จะกลายเป็นว่าคุณกำลังมีชีวิตอยู่ ณ จุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่

เป็นจุดเริ่มต้นของมนุษย์มากกว่าจุดจบ นี่ไม่ทำให้มันรู้สึกแตกต่างอย่างไม่น่าเชื่อหรอ?

และตอนนี้พิจารณาว่านี่อาจเป็น การคาดการณ์ในแง่ร้ายอย่างยิ่งแล้ว

หากเราจับคู่กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ ประสบความสำเร็จในการมีชีวิตรอดยืนยาวที่สุด

ตัวเลขในอนาคตของเราจะเพิ่มขึ้น เป็น 1.2 พันล้านล้านคนที่ยังไม่เกิด

และถึงแม้ว่าจะห่างไกลจากศักยภาพของเราก็ตาม

ขณะที่ดวงอาทิตย์ร้อนขึ้นและสว่างขึ้นอย่างช้าๆ โลกยังจะสามารถอยู่อาศัยได้อีกประมาณ 500 ล้านปี

ทำให้คนที่กำลังจะเกิดจำนวนมาก มีโอกาสได้เกิดเป็นคนจริงๆ

และตอนนี้เรามาเริ่มคิดการใหญ่กันดีกว่า

สถานการณ์ที่ 2: มนุษย์จะออกจากโลก

เราเริ่มจากที่มนุษย์บูชาดวงจันทร์ ไปสู่มนุษย์ที่เดินบนดวงจันทร์

ใครจะรู้ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน?

หากเราไม่ตายจากไปจนหมด ภายในสองสามร้อยปีข้างหน้า

แนวคิดที่ดูเหมือนแปลกในตอนนี้ จะกลายเป็นข้อพิจารณาที่จริงจัง

หากเราเชื่อว่าเรามีโอกาส รอดชีวิตไปได้อีกหลายล้านปี

เราก็สามารถขยายไปสู่ดาวเคราะห์ดวงอื่น หรือเข้าไปอยู่ในโลกเทียมของเราเอง

สิ่งมีชีวิตต้องการ 3 อย่าง คือ พื้นผิว ทรัพยากร และพลังงาน

ดวงอาทิตย์ของเราให้พลังงาน ได้เป็นเวลาหลายพันล้านปี

และมีน้ำกับวัตถุจำนวนมากลอยอยู่ ในแถบดาวเคราะห์น้อยและแถบไคเปอร์

ที่เราสามารถใช้เลี้ยงดู ประชากรในปัจจุบันได้หลายเท่า

แทนที่จะอาศัยอยู่บนโลก เราสามารถ ตัดสินใจสร้างโลกและที่อยู่ของเราเองได้

ด้วยทรัพยากรและพลังงานที่มีอยู่มากมาย

เราจึงสามารถลองสร้าง สังคมและวิถีชีวิตแบบต่างๆ ได้

อารยธรรมที่เชื่อมต่อถึงกันซึ่งครอบคลุมระบบสุริยะ จะสร้างพื้นฐานของการมีอยู่ของบุคคลจำนวนมาก

เป็นจำนวนที่มากกว่าถ้าเรายึดติดกับโลก ถึงแม้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่เพียงไม่กี่ล้านปีก็ตาม

อนาคตนี้ไม่จำเป็นต้องหดหู่และมืดมน เหมือนอย่างที่นิยายวิทยาศาสตร์ชอบทำ

ด้วยผู้คนจำนวนพันล้านล้านคนที่รอที่จะเกิด

เราจะมีแพทย์หลายพันล้านคน ที่ทำงานเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง

นักแก้ปัญหาหลายพันล้านคน ที่ทำงานเพื่อขจัดความยากจน

และนักพัฒนาวิดีโอเกมอีก หลายพันล้านคนที่ทำให้ชีวิตสนุกขึ้น

มนุษย์จำนวนมากขึ้น อาจหมายถึงความก้าวหน้าที่มากขึ้น

ข้อดีอีกข้อของการจากโลก และขยายเผ่าพันธุ์ออกไปคือ

มันจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะสูญพันธุ์

คุณต้องใช้ภัยพิบัติที่กวาดล้าง ระบบสุริยะเพื่อที่จะฆ่าทุกคนได้

นอกเหนือจากซูเปอร์โนวา หรือรังสีวาบแกมม่าที่อยู่ใกล้เคียง

มนุษยชาติจะค่อนข้างปลอดภัยจากการสูญพันธุ์ บางทีอาจอยู่รอดได้เป็นพันล้านปี

หากเราสามารถเอาชีวิตรอดได้นานขนาดนั้น

วิวัฒนาการอย่างช้าๆ หรือพันธุวิศวกรรม อาจแยกเราออกเป็นหลายสายพันธุ์

หรือเราอาจจงใจรักษาตัวเองให้เป็นเหมือนกับตอนนี้

ด้วยเหตุนี้ เราจะพูดถึงผู้คนจากนี้ไป แทนที่เราจะพูดถึงแค่มนุษย์

เอาล่ะ ตอนนี้เรามาลองคิดการใหญ่จริงๆ ดีกว่า

สถานการณ์ที่ 3: ผู้คนจะออกจากระบบสุริยะ

แม้ว่าระบบสุริยะจะมีขนาดมโหฬารก็ตาม

มันเป็นเพียงระบบดาวดวงเดียว ในบรรดา ระบบดาวอีกหลายพันล้านแห่งในทางช้างเผือก

หากผู้คนในอนาคตสามารถตั้งรกรากได้

เช่น ดวงดาว 100 พันล้านดวง และอาศัยอยู่นั่นเป็นเวลา 10 พันล้านปี

ขณะที่มีอัตราการเกิด 100 ล้านคนต่อปี

เราคาดหวังได้ว่าจะมีผู้คนอีก 100 พันล้าน พันล้าน พันล้านคน

ที่จะมีชีวิตอยู่ในอนาคต

เลข 1 ที่ตามด้วยเลขศูนย์ 29 ตัว 100 พัน ล้านล้าน ล้านล้าน

เราสามารถคำนวณได้เท่าที่ต้องการแล้ว

กาแล็กซีแอนโดรเมดาจะรวมเข้ากับทางช้างเผือก เพิ่มจำนวนดาวอีกล้านล้านดวงให้เราได้ตั้งรกราก

ดาวแคระแดงยังคงทำหน้าที่ ของมันได้นานถึงล้านล้านปี

และอารยธรรมในอนาคตอาจพบพลังงาน สำหรับที่อยู่อาศัยของพวกเขารอบๆ หลุมดำ

อารยธรรมที่ก้าวหน้าจนเพียงพอของลูกหลานเรา อาจพยายามไปถึงกลุ่มกาแล็กซีอื่น

แม้ว่าตัวเลขเหล่านี้จะน่าเหลือเชื่อ แต่ก็อาจ ประเมินจำนวนผู้คนที่ยังไม่ได้เกิดต่ำเกินไป

หากเราหารพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ในกาแล็กซี กับการใช้พลังงานโดยเฉลี่ยต่อหนึ่งคน

เราจะได้ 10^42 ชีวิต

1 ล้าน ล้านล้าน ล้านล้าน ล้านล้านชีวิตที่อาจเป็นไปได้

บทสรุป

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะไม่ทำลายเผ่าพันธุ์ตัวเอง ในอีกไม่กี่ศตวรรษหรืออีกไม่กี่พันปีข้างหน้า

มนุษย์เกือบทั้งหมดที่จะดำรงอยู่ จะมีชีวิตอยู่ในอนาคต

ทำให้มองย้อนกลับมาที่เรา ในปัจจุบัน

เราดำรงอยู่ในจุดสูงสุดของประวัติศาสตร์มนุษย์ มันเป็นไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อในความเข้าใจของเรา

ทั้งเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และสังคม

สิ่งที่เราทำมีความสำคัญสำหรับทุกคนที่ยังไม่เกิดมา

แม้ว่าการคิดเกี่ยวกับอนาคตระยะยาว ของมนุษยชาติด้วยการมองโลกในแง่ดี

หรือจะคิดอย่างไรก็ตาม มันก็อาจจะให้มุมมองแก่คุณบ้าง

หากเราทำปัจจุบันเละเทะ หลายๆ คนอาจจะไม่มีวันได้เกิด

มนุษย์ที่ยังไม่เกิดจำนวนมาก อยู่ในความกรุณาของเรา

แม้เราจะคาดการณ์อย่างระมัดระวังแล้ว

แต่ผู้คนที่ยังไม่เกิดก็ยังเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด และเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับสิทธิ์มากที่สุด

การมีอยู่ของใครบางคนที่อาจเกิดในพันปี หรือล้านปีข้างหน้า นั้นขึ้นอยู่กับเราในวันนี้

นี่คือเหตุสำคัญว่าทำไมเราต้องนึกถึงอนาคต อันไกลโพ้น เหตุใดที่การมีอยู่ของเรานั้นสำคัญ

และเพราะเหตุใดสิ่งที่เราทำในวันนี้จึงสำคัญ

วันหนึ่ง มนุษย์คนสุดท้ายจะถือกำเนิด เราไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไหร่

ถ้าเปลี่ยนมุมมองที่ว่าเราอาศัยอยู่ในช่วงสุดท้าย ของมนุษย์ มาเป็นการที่เราใช้ชีวิตที่จุดเริ่มต้น

เราไม่เพียงแต่สร้างโลกที่ยอดเยี่ยม ให้กับเราและกับพวกเขาเท่านั้น

แต่ยังรวมถึงผู้อื่นอีกจำนวนนับไม่ถ้วนอีกด้วย

การประกาศครั้งใหญ่: เรากำลังเปิดตัว Kurzgesagt เพิ่่มอีก 6 ภาษา!

ภาษาอาหรับ โปรตุเกสแบบบราซิล ฝรั่งเศส ฮินดู ญี่ปุ่นและเกาหลี

นอกเหนือจากช่องภาษาอังกฤษ เยอรมัน และสเปนของเรา

เพื่อนำมุมมองใหม่ๆ และความรักในวิทยาศาสตร์ ไปสู่ผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

โดยเฉพาะกับภาษาที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ เพราะไม่ได้กำไรในการแปล

หากมีคนดูช่องใหม่ของเรามากพอ เราหวังว่าจะสามารถทำช่องนี้ไปได้อีกหลายปี!

นี่คือที่ที่เราต้องการความช่วยเหลือของ ‘คุณ’

เราต้องใช้เวลา ความพยายาม และเงิน

ในการแปลวิดีโอของเราอย่างเหมาะสม และการดำเนินการของช่องต่างๆ มากมาย

เพื่อให้ช่องของเรายั่งยืน โปรดช่วยเรากระจายข่าว!

หากคุณเป็นหนึ่งในเจ้าของภาษาเหล่านี้ โปรดแชร์วิดีโอของเราลงบนโซเชียล

บอกเพื่อนและครอบครัวของคุณ ให้คนที่ใช้ภาษาเดียวกับคุณรู้ว่ามีช่องนี้อยู่

สิ่งเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจาก Open Philanthropy

เป็นองค์กรที่พยายามทำสิ่งที่ดีให้ได้มากที่สุด

พวกเขาต้องการช่วยเราเผยแพร่ ความตระหนักรู้ในด้านวิทยาศาสตร์

และแนวคิดว่า ‘คุณ’ จะ ช่วยให้มนุษยชาติเติบโตได้อย่างไร

ค่านิยมของพวกเขา สอดคล้องกับของเราในหลายๆ ด้าน

ดังนั้นเราจึงจะร่วมงานกับพวกเขา ในอีกหลายๆ โปรเจกต์ในอนาคต

เพราะฉะนั้นโปรดช่วยเรากระจายข่าว

และขอบคุณสำหรับการรับชม

[OUTRO]

translated by Anothertemp_