การระเบิดที่รุนแรงที่สุดในจักรวาล | Kurzgesagt

🎁Amazon Prime 📖Kindle Unlimited 🎧Audible Plus 🎵Amazon Music Unlimited 🌿iHerb 💰Binance

วิดีโอ

สรุป

ซูเปอร์โนวาเป็นการระเบิดที่รุนแรงที่สุดในจักรวาล

ปลดปล่อยพลังงานมากพอที่จะส่องสว่างไปทั่วกาแล็กซี

เราไม่รู้ว่าจะเปรียบเปรยถึงพลังที่แท้จริงของพวกมันได้อย่างไร

หากจู่ๆ ดวงอาทิตย์เกิดซูเปอร์โนวา

คุณจะรู้สึกเหมือนกับถูกพลังงานจากระเบิด นิวเคลียร์โจมตีทุกวินาทีเป็นเวลาหลายสัปดาห์

แม้ว่าซูเปอร์โนวาจะเป็นกลไกของการสร้างสรรค์ และสร้างองค์ประกอบที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตได้

พวกมันยังเผาทำลายพื้นที่ทั้งหมดของกาแล็กซีด้วย

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากซูเปอร์โนวาชนโลก?

[INTRO]

มีวิธีสร้างซูเปอร์โนวาอยู่ 2 วิธีโดยประมาณ

ไม่ว่าจะเป็นแกนกลางของดาวฤกษ์มวลมากระเบิด

หรือที่พบได้น้อย คือดาวแคระขาวมีมวลเพิ่มขึ้น จนถึงจุดที่มันจุดระเบิดนิวเคลียร์ฟิวชันได้

ซึ่งผลลัพธ์ก็เหมือนกัน นั่นคือการระเบิดของซูเปอร์โนวา

หากเรานึกถึงการระเบิดบนโลก เราจะนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลง

แต่ซูเปอร์โนวาคล้ายกับการระเบิด ของภูเขาไฟที่ตามมาด้วยสึนามิ

ในตอนแรกจะมีลูกบอลหลากสีที่ร้อน และขยายตัวเป็นเมฆที่งดงาม

ซึ่งจะส่องสว่างประมาณหนึ่งเดือน จากนั้นก็ไม่หยุด

ก๊าซที่ร้อนและอันตรายพุ่งออกไป ด้วยความเร็วประมาณ 10,000 กม./วินาที

ผ่านพื้นที่ว่างในอวกาศ และกวาดล้างก๊าซเบาบางของกาแล็กซี

ขอบเขตของก๊าซนี้ขยายตัวเป็นเวลาหลายหมื่นปี และในที่สุดก็จะขยายตัวออกไปหลายสิบปีแสง

จนกระทั่งเย็นลงและกระจาย สสารของมันกลับเข้าไปในกาแล็กซี

แล้วถ้าสึนามิดวงดาวนี้มาโดนเราล่ะ?

ความเสียหายขึ้นอยู่กับระยะทางของซูเปอร์โนวา

ขั้นที่ 1: อยู่ห่างออกไปหลายพันปีแสง

มนุษย์ได้เห็นซูเปอร์โนวาหลายสิบแห่ง แต่ทั้งหมดอยู่ห่างออกไปหลายพันปีแสง

พวกมันเกิดขึ้นเหมือนกับดาวดวงใหม่ บางแห่งสว่างกว่าดวงจันทร์

ส่องแสงระยิบระยับไม่กี่สัปดาห์แล้วก็หายไป

นอกจากมันจะดูสวยมาก ในระยะที่ห่างแบบนี้ พวกมันยังทำอะไรเราไม่ได้มากนัก

ขั้นที่ 2: อยู่ห่างออกไป 300 ปีแสง

สิ่งต่างๆ จะเริ่มน่ากลัวขึ้นเล็กน้อย เมื่อซูเปอร์โนวาเกิดห่างออกไป 300 ปีแสง

เราคาดว่าจะเกิดขึ้นใกล้ๆ เราในทุกๆ 2-3 ล้านปี

ดาวดวงเดียวที่ส่องสว่างบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ส่องแสงที่น่าขนลุกราวกับช่วงพลบค่ำ

แม้ว่าสิ่งนี้จะอยู่ไกลและสลัวพอที่จะไม่ทำร้ายเรา แต่มันสามารถส่งผลกระทบต่อโลกได้

ที่ระยะนี้ มันจะเหมือนกับการถูกคลื่นระลอกสุดท้าย ซัดอย่างเบาๆ หลังจากเกิดสึนามิดวงดาว

ไม่แรงพอที่จะสร้างความเสียหายจริง แต่ยังพอสังเกตได้

ที่จริงแล้วเราทราบว่าในช่วง 10 ล้านปีที่ผ่านมา มีซูเปอร์โนวาหลายแห่งได้พุ่งชนโลกจากระยะนี้

เนื่องจากเราสามารถพบไอโซโทปกัมมันตภาพรังสี ของธาตุเหล็กที่อยู่ลึกลงไปในหินและตะกอนใต้ก้นสมุทร

น่าประหลาดใจที่ซูเปอร์โนวารอบๆ ระบบสุริยะนี้ ได้กวาดล้างพื้นที่กว้าง 1,000 ปีแสง

ที่เรียกว่า “Local bubble”

พวกมันพัดเอาก๊าซและฝุ่นระหว่างดวงดาวออกไป ทำให้เกิดผนังก้อนก๊าซที่กลายเป็นแหล่งกำเนิดดาวฤกษ์

ขั้นที่ 3: อยู่ห่างออกไป 150 ปีแสง

เมื่อซูเปอร์โนวาเกิดใกล้กว่า 300 ปีแสง เรากำลังเข้าใกล้เขตที่สร้างความเสียหายอย่างแท้จริง

ดาวฤกษ์มีสนามแม่เหล็กที่ทรงพลังมาก

เมื่อมันตาย สึนามิของดาวมรณะจะกักเก็บพลังงานแม่เหล็ก นี้ไว้จำนวนมากโดยเก็บไว้ในช็อกเวฟที่แผ่ไปด้านนอก

ในเมฆที่มีแม่เหล็กสูงนี้ เราจะได้สภาพเหมือนกับ เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ที่เร่งอนุภาคที่มีประจุ

เช่น โปรตอน นิวเคลียสและอิเล็กตรอนให้มีความเร็วมหาศาล

หมายความว่าเรามีเมฆที่กำลังขยายตัว ซึ่งปล่อยรังสีร้ายแรงออกไปทุกทิศทาง

เป็นระยะเวลานานหลังจากที่แสงสว่างจ้า จากการระเบิดครั้งแรกจางหายไป

หากซูเปอร์โนวาเกิดขึ้นใกล้เกินไป คลื่นของ’รังสีคอสมิก’นี้จะสาดใส่ระบบสุริยะไปหลายพันปี

แม้ว่าส่วนใหญ่เราจะปลอดภัยบนพื้นผิวโลก โดยชั้นบรรยากาศและชั้นโอโซน

แต่การแผ่รังสีเพิ่มที่หลั่งไหลเข้ามาจะยังคงเพิ่ม อัตราการเกิดมะเร็งและการกลายพันธุ์

ไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ แต่มันจะสังเกตเห็นได้

การท่องอวกาศจะเป็นไปไม่ได้ในระบบสุริยะ เนื่องจากนักบินอวกาศจะไม่รอดจากคลื่นรังสีเป็นเวลานาน

เราไม่รู้แน่ชัดว่าเหตุการณ์นี้จะเลวร้ายเพียงใด

แต่ซูเปอร์โนวาที่อยู่ใกล้ อาจกักขังเผ่าพันธุ์เราบนโลก ไปหลายชั่วอายุคนหรืออาจถึงหลายพันปี

จากนี้จะมีแต่แย่ลงไปเรื่อยๆ

ขั้นที่ 4: ใกล้กว่า 100 ปีแสง

ภายในระยะ 100 ปีแสง สิ่งต่างๆ จะเลวร้ายขึ้น

เนื่องจากซูเปอร์โนวาจะรบกวนสภาพอากาศ ของเราในแบบที่ไม่เข้าใจอย่างแท้จริง

มีบางสิ่งที่ไม่น่ายินดีเกิดขึ้นทีละอย่าง:

อย่างแรก โฟตอนพลังงานสูงที่มาจากการระเบิด

ตามมาด้วยการแผ่รังสีเป็นเวลานานหลายสิบปี จากสึนามิกัมมันตภาพรังสี

ทั้งสองอย่างนี้สร้างความเสียหายรุนแรงต่อชั้นโอโซน ซึ่งเป็นเกราะป้องกันของโลกจากรังสีที่เป็นอันตราย

ชั้นโอโซนดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตโดยแยกโอโซน O3 เป็น O2 และอะตอมของออกซิเจนอิสระ

ซึ่งต่อมาจะเปลี่ยนกลับเป็นโมเลกุลโอโซนอื่น

แต่รังสีซูเปอร์โนวาจะทำลายโมเลกุลของไนโตรเจน

ที่ดึงเอาซิเจนอิสระออก ทำลายวงจร และทำให้ชั้นโอโซนหมดไปอย่างรวดเร็ว

หากไม่มีเกราะป้องกันรังสี ทุกคนที่อยู่บนโลก จะได้รับรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ในระดับที่สูงมาก

อัตราการเกิดโรคมะเร็งจะพุ่งสูงขึ้นและการออกไป ข้างนอกในตอนกลางวันอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

รังสีที่เพิ่มขึ้นจะฆ่าแพลงก์ตอนส่วนใหญ่ ในมหาสมุทรที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นผิว

ที่เป็นพื้นฐานของห่วงโซ่อาหารในทะเล ซึ่งนำไปสู่การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่

ที่แย่กว่านั้นคือรังสีซูเปอร์โนวาจะทำให้ ก๊าซแตกตัวเป็นไอออนในชั้นบรรยากาศ

หมายความว่ามันจะทะลุผ่านโมเลกุลและกระแทก อิเล็กตรอนออกจากนิวเคลียส ปล่อยให้พวกมันมีประจุไฟฟ้า

จากนั้นนิวเคลียสที่มีประจุนี้จะทำหน้าที่เป็นเมล็ด สำหรับไอน้ำเพื่อรวบรวมและก่อตัวเป็นเมฆขนาดใหญ่ทั่วโลก

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด มันจะสะท้อน แสงอาทิตย์มากพอที่จะทำให้เกิดยุคน้ำแข็ง

ที่จริงแล้ว เชื่อกันว่ายุคน้ำแข็ง เมื่อ 2.5 ล้านปีที่แล้วเกิดขึ้นจากซูเปอร์โนวา

นักวิทยาศาสตร์บางคนถึงกับคิดว่า ซูเปอร์โนวาที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 60 ปีแสง

อาจเป็นสาเหตุของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ในปลายยุคดีโวเนียนเมื่อ 350 ล้านปีก่อน

แต่เดี๋ยวก่อน ยังมีมากกว่านั้น

อิเล็กตรอนที่เกิดจากการแผ่รังสีก่อให้เกิด ไฟฟ้าถล่มขนาดมหึมา หรือที่เรียกว่าฟ้าแลบ

โลกถูกพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงที่สุดในรอบหลายล้านปี

ฟ้าผ่าที่รุนแรงทำให้เกิดไฟป่าทั่วโลก ที่ทำลายป่าไม้และผลผลิต

ทำลายล้างเมือง ทำให้โครงข่ายไฟฟ้า และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของเราหยุดชะงัก

ขณะที่ชั้นโอโซนที่ถูกทำลาย จะทำให้รังสีที่เป็นอันตรายเข้ามา

ในอดีต ระบบนิเวศอาจฟื้นตัวจากซูเปอร์โนวา ที่อยู่ใกล้เคียงหลังจากผ่านไปในไม่กี่พันปีหรือไม่กี่ล้านปี

ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าอารยธรรมสมัยใหม่ จะสามารถรับมือกับผลกระทบระดับนี้ได้

การขาดแคลนอาหาร ราคาที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

และสงคราม ขณะที่ประเทศต่างๆ พยายาม ดิ้นรนเพื่อไม่ให้ถูกกลืนหายไปกับความโกลาหล

ซูเปอร์โนวาที่เข้ามาใกล้ที่สุดนี้ อย่างน้อยจะสร้าง ความเสียหายใหญ่หลวงเป็นเวลาหลายร้อยหรือหลายพันปี

หากอารยธรรมของเราล่มสลาย

แต่ด้วยจำนวนนับล้านหรือนับพันล้านชีวิต ถึงตอนนั้นมนุษยชาติก็จะน่าอยู่รอดและฟื้นตัวได้

ขั้นที่ 5: อยู่ใกล้กว่า 25 ปีแสง

ซูเปอร์โนวาที่อยู่ใกล้กว่า 25 ปีแสง หมายความว่าเราอยู่ใน’รัศมีการฆ่า'

ซึ่งรับประกันการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่

ชั้นโอโซนประมาณครึ่งหนึ่งอาจถูกทำลาย

เกิดการหยุดชะงักของสภาพอากาศครั้งใหญ่ ในระดับที่เราไม่เคยเห็น จะทำลายล้างโลก

ระบบนิเวศทั้งหมดจะถูกกำจัดอย่างรวดเร็วจากรังสี ขณะที่ไฟป่าทั่วโลกปกคลุมโลก

ทุกสิ่งที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้เกิดขึ้น แต่จะรุนแรงและเร็วกว่ามาก

คนไม่กี่คนอาจอยู่รอดในหลุมหลบภัย เป็นเวลาหลายปีหากพวกเขามีเสบียงอาหาร

แต่โลกที่พวกเขากลับขึ้นไปจะถูกทำลายล้าง และไม่เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตเป็นเวลาหลายแสนปี

การสูญพันธุ์ของมนุษย์มีความเป็นไปได้สูง

ขั้นสุดท้าย: 4 ปีแสง

การอยู่ใกล้ซูเปอร์โนวามากขึ้นนั้นไม่น่าเป็นไปได้มากนัก เนื่องจากอวกาศมีขนาดใหญ่ แต่ผลกระทบจะรุนแรงมาก

แม้จะอยู่ห่างออกไป 4 ปีแสง เท่ากับระยะทางถึงอัลฟาเซ็นทอรี ซูเปอร์โนวาก็ยังสว่างเกือบเท่าดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า

ขณะที่มีเงา 2 เงาพาดผ่านอาจสนุกได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ภายในไม่กี่วัน พื้นผิวโลกจะร้อนพอๆ กับซาวน่า

อบพื้นโลกเป็นเวลาหลายสัปดาห์ จนกว่าการระเบิดจะหายไป

พื้นผิวโลกลุกเป็นไฟ คร่าสิ่งมีชีวิต

แม้แต่มหาสมุทรก็ไม่ปลอดภัย: รังสีจำนวนมหาศาลที่ตามมา จะเผาผลาญชั้นโอโซนและฆ่าทุกสิ่งที่มองเห็นแสงแดด

มันจะเป็นเหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ลดจำนวนสิ่งมีชีวิตเหลือเพียงไม่กี่ชนิดที่รอดอยู่ในทะเลลึกหรืออยู่ใต้ดิน

สิ่งมีชีวิตต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด

บทสรุป: คุณจำเป็นต้องกังวลแค่ไหน?

คุณต้องกังวลมั้ย? คำตอบคือ ไม่

มีดาวไม่กี่ดวงที่อาจระเบิดภายในช่วง 1,000 ปีแสงจากโลก และไม่มีดาวดวงใดอยู่ใกล้พอที่จะเป็นภัยคุกคามกับเรา

ยิ่งไปกว่านั้น ดาวฤกษ์เหล่านี้ อาจไม่เกิดซูเปอร์โนวาไปหลายล้านปี

คุณจะปลอดภัยแน่ แต่ไม่มี การรับประกันสำหรับอนาคตอันไกลโพ้น

เมื่อดวงดาวโคจรรอบกาแล็กซี ลูกหลานของเรา อาจพบว่าตัวเองอยู่ใกล้ซูเปอร์โนวาอย่างอันตราย

แต่เมื่อถึงเวลานั้นมนุษยชาติที่ก้าวหน้า และฉลาดกว่านั้นจะสามารถแก้ปัญหาให้พ้นทางได้

อย่างไรก็ตาม คืนนี้คุณสามารถนอนหลับสบาย ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวยงาม

และหากคุณใฝ่ฝันที่จะเข้าใจฟิสิกส์ ที่อยู่เบื้องหลังวิดีโอนี้และวิดีโออื่นๆ

เราได้สร้างชุดบทเรียนหนึ่ง เพื่อให้คุณเข้าใจวิทยาศาสตร์พื้นฐาน

จัดทำขึ้นโดยความร่วมมือ กับเพื่อนๆ ของเราที่ Brilliant

บนเรียนเหล่านี้จะเจาะลึกลงไป ในหัวข้อต่างๆ จากวิดีโอยอดนิยมของเรา

รวมไปถึงสิ่งต่างๆ เช่น จักรวาลวิทยา ชีววิทยา และแม้แต่วิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ

Brilliant เป็นเครื่องมือการเรียนรู้แบบโต้ตอบ ที่ช่วยให้วิทยาศาสตร์เข้าถึงได้ง่ายด้วยการลงมือทำ

เพราะเรารู้ว่าหากต้องการเรียนรู้บางอย่างจริงๆ คุณต้องลงมือทำ

ให้คิดว่าเป็นวิดีโอติว เวอร์ชันของ Kurzgesagt แบบตัวต่อตัว

ในบทเรียนล่าสุดของเรา คุณจะได้ท่องไปในสภาวะที่อาจก่อให้เกิดซูเปอร์โนวา

และวิธีพิจารณาผลกระทบของซูเปอร์โนวา ที่มีต่อดาวเหมือนกับโลกของเรา

Brilliant มีบทเรียนหลายพันรายการให้สำรวจ ตั้งแต่หัวข้อทางคณิตศาสตร์เช่น พีชคณิตและความน่าจะเป็น

ไปจนถึงแนวคิดเบื้องหลังการเรียนรู้ของเครื่อง และคอมพิวเตอร์ควอนตัม

และด้วยบทเรียนใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในแต่ละเดือน รวมถึงบทเรียนของ Kurzgesagt

คุณจะพบสิ่งที่น่าสนใจให้เรียนรู้อยู่เสมอ

หากต้องการลงมือทำจริงกับบทเรียนของ Kurzgesagt ไปที่ Brilliant.org/nutshell และลงทะเบียนฟรี

และด้วยการทดลองใช้ Brilliant Premium ฟรี คุณสามารถสำรวจทุกสิ่งที่ Brilliant นำเสนอได้

มีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ชม Kurzgesagt: 200 คนแรกที่ใช้ลิงก์นี้จะได้รับส่วนลดค่าสมาชิกรายปี 20%

ซึ่งปลดล็อกบทเรียนทั้งหมดของ Brilliant ในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์

เราชอบที่จะก้าวไปไกลกว่านั้นด้วยการค้นคว้าของเรา

Brilliant จะเป็นตัวกระตุ้น เพื่อขยายขอบเขตความรู้ของคุณ

[OUTRO]

translated by anothertemp_