Homeopathy Explained - การรักษาอย่างอ่อนโยนหรือการฉ้อโกงอย่างไม่รับผิดชอบ? | Kurzgesagt

🎁Amazon Prime 📖Kindle Unlimited 🎧Audible Plus 🎵Amazon Music Unlimited 🌿iHerb 💰Binance

วิดีโอ

สรุป

Homeopathy หรือการแพทย์ทางเลือกเป็นประเด็นที่ถูกหยิบขึ้นมาถกเถียงบ่อยครั้ง แต่ก็เป็นทางเลือกในการรักษาที่ได้รับความนิยมมากทางหนึ่ง

ในขณะที่บางคนไม่เห็นด้วยกับการรักษาวิธีนี้ แต่ก็ยังมีบางคนที่อ้างในสรรพคุณการรักษาอันดีเยี่ยมของมัน

แล้ว Homeopathy มันคืออะไรล่ะ?

ทำไมมันถึงกลายเป็นกลายเป็นการแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมเหมือนทุกวันนี้ล่ะ?

แล้วเราจะเอามันไปประยุกต์ใช้กับยาแผนปัจจุบันได้อย่างไร?

หลักการอย่างแรกของ Homeopathy คือ “หนามยอกเอาหนามบ่ง”

โดยยาที่ใช้รักษานั้นจะผลิตมาจากตัวการที่ทำให้เกิดโรคนั้นๆในตอนแรก

ในทางปฎิบัติ นั่นหมายความว่ายาที่ใช้ในการลดไข้จะผลิตมาจาก belladonna ที่เป็นพืชที่ทำให้เกิดไข้ในมนุษย์

หรือยาลดอาการปวด บวม ที่ผลิตมาโดยใช้สารสกัดจากพิษในเหล็กในของผึ้ง

หลักการข้อที่สอง คือ วิธีการพิเศษในการเตรียมยารักษาซึ่งเรียกว่า potentization

หลักการของมันคือการเจือจางสารตั้งต้นและปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกันซึ่งทำให้ตัวยามีประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น

เริ่มโดยการนำสารตั้งต้นมาทำละลายในน้ำกลั่นหรือแอลกอฮอล์

ต่อมาคือการทำ Homeopaths ซึ่งทำได้โดยการเจือจางสารละลายกับน้ำด้วยอัตราส่วนสารละลายต่อน้ำเป็น 1:9

ทำให้สารละลายเจือจางลงจนเหลือความเข้มข้นแค่ 10% จากเดิมและทำการเขย่าสารละลาย

ตอนนี้เราก็จะได้ยาที่มีความเข้มข้นระดับ 1 X

โดยมีสารตั้งต้น 1 ส่วนและน้ำอีก 9 ส่วน

ได้ชื่อ 1X มาจากเลขโรมัน(X=เลข10ในเลขโรมัน)

แล้วก็ทำซ้ำๆกันต่อไปเรื่อยๆ

นำสารละลายมาหนึ่งส่วน(ที่ผสมกับน้ำแล้วในตอนแรก)แล้วทำการผสมกับน้ำอีก 9 ส่วนแล้วทำการเขย่าอีกที เราก็จะได้ความเข้มข้นระดับ 2X

ทำซ้ำไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้ระดับความเข้มข้นที่ต้องการ

ตัวยาที่สำเร็จแล้วมักจะนำไปบริโภคในทันทีหรือในบางครั้ง……

ตัวยาจะถูกนำไปผสมน้ำตาลและอัดเม็ดขาย

หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพของตัวยาเข้มข้นระดับ 20 X ก็เหมือนกับการนำยาแอสไพริน 1 เม็ดไปละลายในมหาสมุทรแอตแลนติกนั่นแหละ

แต่ก็ยังมีตัวยาบางประเภทที่เจือจางกว่ามากๆ เช่น ตัวยาความเข้มข้นระดับ 30 C

C นั้นหมายความว่ามีอัตราส่วนของสารตั้งต้นต่อน้ำเป็น 1:99 (C = 100ในความหมายของเลขโรมัน)

ดังนั้นตัวยาความเข้มข้นระดับ 30 C หมายถึงสารละลายตั้งต้นหนึ่งส่วนละลายกับ……………

น้ำ 10^51(10 ยกกำลัง 51) ส่วน

ถ้าเราต้องการยาเม็ดที่มีสารตั้งต้นทั้งหมด 1 อะตอมล่ะก็……

ยาเม็ดของเราก็จะมีรัศมีเท่ากับระยะทางจากโลกจนถึงดวงอาทิตย์เลยล่ะ

150,000,000 กิโลเมตร!!!!!

ยาเม็ดของเราจะใหญ่จนตัวมันเองจะมีมวลมากพอที่จะกลายเป็นหลุมดำได้เลยล่ะ……

นั่นทำให้กระบวนการ potentization ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง

การเจือจางอย่างมหาศาลนั้นควรที่จะทำให้สารตั้งต้นมีกำลังมากขึ้นสิ?

แต่ในทางกายภาพนั้นมันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

ตัวยา Homeopathic ส่วนมากจะถูกเจือจางมากเกินไปจนทำให้…………….

ไม่เหลือสารตั้งต้นในตัวยาเลยแม้แต่อะตอมเดียว!!!!

มีการพยายามอธิบายสาเหตุว่าทำไมตัวยายังคงใช้ในการรักษาได้ โดยเหตุผลคือในทุกครั้งที่มีการเขย่าสารละลายนั้นจะมี……

สารสกัดขนาดเล็กมากๆของสารตั้งต้นหลุดออกมาเกาะกับโมเลกุลน้ำ

โดยหลักการคือ โมเลกุลน้ำนั้นจะมีคุณสมบัติในการจดจำรูปแบบของสิ่งที่เคยถูกละลายในน้ำ

แต่ถ้ามันเป็นความจริงแสดงว่าน้ำทุกโมเลกุลในโลกนี้ต้องผ่านการทำละลายกับอะไรสักอย่างมาก่อนแล้ว(อาจจะรวมอุจจาระของคุณด้วย)

และก่อให้เกิดผลที่ไม่คาดฝันเมื่อคุณดื่มมันลงไป

ลองนึกดูสิว่าในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ของเรานั้นมีอะไรลอยอยู่บ้าง

น้ำทุกหยดที่เราดื่มคงกลายเป็นค็อกเทลเข้มข้นที่เต็มไปด้วยอะไรต่อมิอะไรไปนานแล้วหากข้ออ้างนี้เป็นจริง

ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วทำไม Homeopathy ถึงกลายเป็นการแพทย์ทางเลือกที่ประสบความสำเร็จได้ล่ะ?

ในศตวรรษที่ 18 ………. การแพทย์ในอดีตนั้นต่างจากปัจจุบันมาก

ตัวอย่างของการรักษาในสมัยนั้น เช่น การบีบเลือด(ที่เชื่อว่าเสีย)ออกจากตัวคนไข้ นั้นเป็นการทำร้ายคนไข้มากกว่าการรักษา

ดังนั้นแพทย์ชาวเยอรมันที่ชื่อว่า Samuel Hahnermann จึงเกิดความคิดที่จะรักษาคนไข้ด้วยวิธีการแบบใหม่โดยการใช้ธรรมชาติเข้าช่วย จึงได้พัฒนา Hemeopathy ขึ้นมา

ส่วนสาเหตุที่การรักษาแบบ hemeopathic นั้นประสบความสำเร็จนั้นส่วนมากเพราะว่าเป็นการรักษาแบบที่ไม่ทำร้ายคนไข้เหมือนวิธีอื่นๆ(ถึงจะรักษาไม่ได้ผลเลยก็ตาม)

Hahnemann ได้กำหนดกฏอันเคร่งครัดในการรักษาคนไข้ของเขา

อย่างแรกเลย…. คุณห้ามดื่มกาแฟ,ชา,แอลกอฮอล์ทุกประเภท,อาหารรสเผ็ด,อาหารรสหวาน,ชีสเก่าๆ,หัวหอม และ ห้ามกินเนื้อ

และห้ามใส่เสื้อผ้าที่ทำมาจากขนแกะ,ห้ามทำงานที่นั่งอยู่กับที่นานๆ,ห้ามอยู่ในห้องที่อากาศไม่ถ่ายเท,ห้ามอยู่ในห้องที่ร้อนเกินไป,ห้ามขี่ม้า

ห้ามงีบหลับ,ห้ามเล่นเกมส์(ทุกประเภท)

ห้ามช่วยเหลือตัวเอง,ห้ามเสพสื่อลามกอนาจารและอื่นๆอีกมากมาย

ซึ่งต้องทำอย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ถึงจะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ ตามที่นายแพทย์ท่านนี้กล่าวไว้

ในปัจจุบันนี้ไม่มีใครสนกฏเหล่านี้อีกต่อไป

ยารักษาโรคได้เปลี่ยนไปมากในช่วง 150 ปีหลัง

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์ที่มนุษย์มีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์ที่มนุษย์มีอายุที่ยืนยาวมากซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีใหม่ๆที่ถูกพัฒนาขึ้น

การวินิฉัยโรคแผนปัจจุบัน,การวิจัยเพื่อตรวจสอบ, และการประเมินผลต่างๆเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของงานวิจัย

ต้องขอบคุณสิ่งเหล่านี้หลังจากการศึกษาวิจัยมาอย่างยาวนาน…..

ทำให้เรามั่นใจว่า Hemeopathy เป็นเพียงแค่ยาหลอก(Placebo) เท่านั้น

แล้วทำไมเราต้องสนใจด้วยล่ะ?ถึงเป็นยาหลอกแต่ก็มีผลในการรักษามิใช่หรือ?

คุณอาจจะลองมันแล้วรู้สึกดีขึ้น

หรือคุณอาจจะรู้จักคนที่หายจากโรคร้ายด้วยวิธีการรักษาแบบ Hemeopathy

นอกจากนี้ยังมีรายงานอื่นๆอีกมากมายที่แสดงว่าHemeopathyใช้ได้ผลกับเด็กและสัตว์

แล้วเราจะอธิบายมันอย่างไรดีล่ะ?

Placebo effect นั้นเป็นสิ่งที่เป็นความจริงและได้รับการพิสูจน์แล้ว

ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองฉลาดขนาดไหนคุณก็ไม่รอดพ้นจากมัน

ถ้าคนเชื่อในตัวยาว่าจะช่วยให้เขาหายล่ะก็ แค่ความเชื่ออย่างเดียวก็ช่วยพวกเขามากแล้ว

และมีการพิสูจน์แล้วว่า Placebo effect นั้นสามารถส่งผ่านระหว่างสิ่งมีชีวิต(ที่มีความรู้สึกนึกคิด)ได้

เด็กเล็กและสัตว์นั้นจะมีอารมณ์ร่วมกับพ่อแม่ของเขาหรือเจ้าของของมัน

เช่น ถ้าพ่อแม่เชื่อว่าการรักษาได้ผลแล้วรู้สึกสบายใจ นั่นก็ช่วยให้เด็กเกิดอารมณ์ผ่อนคลายตามพ่อแม่และบรรเทาอาการของโรคได้

และยังสามารถสังเกตได้จากสัตว์ที่มีการตอบสนองต่อภาษากายที่แสดงความห่วงใยของมนุษย์ต่อตัวมันเอง

แต่สิ่งที่ทรงพลังที่สุดของHomeopathyนั้นคือ เวลา

ร่างกายของเรานั้นเป็นเครื่องจักรที่ใช้ในการเอาตัวรอด

การติดเชื้อนั้นจะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่วัน

แต่ในขณะเดียวกันหากคุณกินยาไปด้วยแล้วรู้สึกดีขึ้นจนหายไข้………..

คุณก็จะรู้สึกว่ายาเป็นสิ่งที่รักษาคุณทั้งๆที่โรคมันจะหายโดยตัวมันเองอยู่แล้ว

อุตสาหกรรมHomeopathyนั้นชอบทำตัวเหมือนการแพทย์ทางเลือกขนาดเล็กเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมยาทั่วไปขนาดใหญ่

ทั้งๆที่Hemeopathyนั่นแหละคืออุตสาหกรรมยาขนาดใหญ่เอง

มีเงินสะพัดภายในธุรกิจหลายพันล้านดอลลาร์จากกำไรมหาศาล

อุตสาหกรรมHemeopathyนั้นมีแม้กระทั่งองค์กรสำหรับ lobby ตัวเองและทำการถกเถียงกับฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วง

มีเงินสะพัดมากมายในเส้นทางนี้

โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดในตลาดโลกมากถึง หนึ่งหมื่นเจ็ดพันล้านดอลลาร์ภายในปี 2024

ถึงขั้นที่ว่ามีนักวิจารณ์บางคนออกมาค้าน Hemeopathy ว่าอาจจะทำให้ยาแผนปัจจุบันซึ่งมีการพิสูจน์ว่าใช้ได้ผลเสียความน่าเชื่อถือ

เช่น ความเชื่อในHemeopathyนี้เองเป็นสิ่งที่เกี่ยวโยงกับการต่อต้านวัคซีน

และเป็นการยุยงทางอ้อมให้คนไม่ไปหาหมอที่มีความจำเป็น

ทั้งๆที่ชีวิตของพวกเขาหรือลูกของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

แต่ก็มีปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จของHemeopathyที่เราควรนำมาปฎิบัติตาม

การพูดคุยระหว่างคนไข้กับหมออย่างสนิทสนมในครั้งแรกที่รักษานั้นอาจจะกินเวลาไปหลายชั่วโมงในการรักษา

สำหรับคนไข้ที่เที่ยวเวียนหาหมอมาหลายคนแล้ว

การให้ความสำคัญและการเอาใจใส่นั้นสามารถทำให้คนไข้รู้สึกสบายใจมากขึ้น

ทั้งๆที่การพูดคุยนั้นไม่เกี่ยวกับการรักษาเลยก็ตาม

ยาแผนปัจจุบันนั้นมีประสิทธิภาพที่สูงมากทำให้ช่วยเหลือผู้คนได้มากมายในแต่ละปี

แต่ในทางเดียวกันมันก็เป็นระบบที่รวบรัดเอามากๆ

งบประมาณที่มีน้อยทำให้หมอต้องพบเจอคนไข้มากมายในแต่ละวัน

การพูดคุยนั้นต้องไม่เสียเวลามากเกินไป

วินิฉัยโรคเร็วและรักษาให้เร็ว

ซึ่งบางทีอาจจะทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งและหวาดกลัว

นี่แหละคือสิ่งที่แพทย์แผนปัจจุบันควรนำแบบอย่างจาก Hemeopathyมาปฎิบัติ

สิ่งที่เติมเต็มความต้องการพื้นฐานของมนุษย์

เราไม่ควรมองคนเป็นเพียงตัวเลขและควรให้ความใส่ใจกับคนแต่ละคนมากขึ้น

แต่ถึงแม้ว่าความเอาใจใส่จะสำคัญแต่มันก็ช่วยรักษาคนไม่ได้อยู่ดี

ความศรัทธาสามารถย้ายภูเขาได้ แต่น้ำหวานไม่สามารถรักษามะเร็งได้

หลังจากที่เราหยุดไปหลายปี Kurgesagt ก็ได้กลับมาอีกครั้งในภาษาเยอรมัน

ต้องขอบคุณการสนับสนุนของ Funk เราได้ทำการเปิดตัวช่องของเราในภาษาเยอรมันอีกครั้งหนึ่งและเราจะอัปโหลดวิดีโอลงไปทุกๆหนึ่งถึงสองอาทิตย์

จากที่เราเคยทำแต่วิดีโอปกติของเรา

ก็จะมีวิดีโอที่ไม่มีในภาษาอังกฤษออกมาบ้าง

ลองเข้าไปดูในช่องนี้สิ แล้วบอกว่าคุณคิดอย่างไรกับเรา

ถ้าช่องนี้ไปได้ดีล่ะก็…. เราอาจจะทำวิดีโอภาษาเยอรมันเพิ่มและอาจทำวิดีโอภาษาอื่นๆด้วยนะ!