ขีดจำกัดของมนุษย์ - เส้นแดงสุดท้ายที่เราจะไม่เคยข้ามไปได้ | Kurzgesagt

🎁Amazon Prime 📖Kindle Unlimited 🎧Audible Plus 🎵Amazon Music Unlimited 🌿iHerb 💰Binance

วิดีโอ

สรุป

มีพรมแดนที่เราไม่มีวันข้ามไปได้ไหม?

มันมีที่ที่เราจะไม่มีวันไปถึง ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหนหรือไม่?

ปรากฎว่ามี แม้จะใช้เทคโนโลยีไซไฟ

เราก็ติดอยู่ในกระเป๋าที่ถูกจำกัดของจักรวาล กับสิ่งของที่มีอยู่อย่างจำกัดภายในนั้น

มีจักรวาลให้เรามากแค่ไหน และเราจะไปได้ไกลเท่าไหร่?

[Intro]

หากคุณมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน คุณอาจคิดว่ามันจะอยู่ที่นั่นตลอดไป

ดวงดาวเกิดและดับอีกครั้ง ในวัฏจักรที่รู้สึกว่าไม่มีที่สิ้นสุด

แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น

ตัวอย่างเช่นทางช้างเผือก ที่มี เส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด 200,000 ปีแสง

มีดาวฤกษ์ประมาณ 100 ถึง 400 พันล้านดวง

คุณคิดว่ามีดาวฤกษ์เกิดกี่ดวงที่นี่ในแต่ละปี? เป็นพัน? เป็นล้าน?

คำตอบคือ ประมาณสามดวง ดาวเกิดใหม่ 3 ดวงต่อปี

95% ของดาวทั้งหมดที่มีอยู่ ในจักรวาลได้ถือกำเนิดไปแล้ว

และเราอาศัยอยู่ในช่วงสุดท้าย ของการก่อตัวของดวงดาว

เราอยู่ที่จุดเริ่มต้นของจุดสิ้นสุดของจักรวาล ตามที่เราทราบ

การก่อตัวของดาวดวงใหม่จะช้าลงเรื่อยๆ

แต่มันมีมากกว่านั้น ปรากฎว่า จักรวาลกำลังห่างจากเราออกไปเรื่อยๆ

ทางช้างเผือกไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่อยู่ร่วมกับกาแล็กซีแอนโดรเมดา

และกาแล็กซีแคระมากกว่าห้าสิบแห่ง ก่อตัวเป็นกลุ่มท้องถิ่น

ซึ่งเป็นพื้นที่ทีมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณสิบล้านปีแสง

เป็นกลุ่มกาแล็กซีเพื่อนบ้านของเรา

กาแล็กซีหลายร้อยกลุ่ม เช่น กลุ่มท้องถิ่น รวมกันเป็นกลุ่มกระจุกดาราจักรลาเนียเคอา

ซึ่งเป็นเพียงกลุ่มเดียว ในมหากระจุกดาวนับไม่ถ้วน

โดยรวมแล้วมีกาแล็กซีประมาณ สองล้านล้านกาแล็กซี

ที่ประกอบเป็นเอกภพที่สังเกตได้ในปัจจุบัน

น่าเสียดายที่แม้ว่าเราจะเดินทางด้วยความเร็วแสงได้

แต่กาแล็กซีประมาณ 94% ที่เรามองเห็นนั้น ไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับเราตลอดไป

พักเรื่องตัวเลขนี้ไว้ก่อน

ข้อเท็จจริงง่ายๆ ที่ว่ามีขีดจำกัดสำหรับเรา และมีจักรวาลอีกมากที่มนุษย์จะไม่มีวันได้สัมผัส

นั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัว

เหตุใดกาแล็กซีเหล่านี้ ทั้งหมดจึงอยู่ไกลเกินเอื้อมแล้ว?

ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับสาเหตุแรกที่ทำให้ เกิดกาแล็กซี่ตั้งแต่แรก นั่นคือ บิ๊กแบง

เรากำลังทำให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่โดยสังเขปแล้ว ประมาณ 10^-36 วินาทีหลังจากเกิดบิ๊กแบง

จักรวาลนั้นเป็นฟองพลังงานขนาดเล็กมาก

มันไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด บางส่วนของมัน มีความหนาแน่นกว่าส่วนอื่นนิดหน่อย

ซึ่งมีผลที่ตามมามากมาย

ในกระบวนการที่เรียกว่าการพองตัวของจักรวาล เอกภพที่สังเกตได้นั้นขยายตัวอย่างรวดเร็ว

จากขนาดของลูกแก้วกลายเป็นล้านล้าน กิโลเมตร ภายในหนึ่งล้านล้านวินาที

ซึ่งเร็วมาก จนความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของความหนาแน่นถูกขยายออกไป

จากระยะทางของอะตอม ไปเป็นระยะทางของกาแล็กซี

ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งจักรวาลทั้งหมด เต็มไปด้วยที่ที่มีความหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ

กระเป๋าจักรวาลเต็มไปด้วย สิ่งของมากกว่าพื้นที่รอบๆ เล็กน้อย

หลังจากการขยายตัวสั้นๆ แต่ทรงพลังจบลง แรงโน้มถ่วงเริ่มพยายามดึงทุกอย่างเข้าด้วยกัน

แรงโน้มถ่วงภายในกระเป๋าที่หนาแน่นขึ้น ก็ชนะ และเมื่อเวลาผ่านไป

พวกมันก็กลายเป็นกลุ่มของกาแล็กซี เหมือนกับที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้

กลุ่มท้องถิ่นคือกระเป๋าจักรวาลของเรา

แต่ในสเกลที่ใหญ่กว่า ภายนอกกระเป๋าที่หนาแน่นขึ้น

การขยายตัวของอวกาศไม่เคยหยุดนิ่ง

ซึ่งหมายความว่ากลุ่มท้องถิ่นของเรา รายล้อมไปด้วยสิ่งต่างๆ มากมาย

แต่ไม่มีโครงสร้างและกาแล็กซี ที่ดึงดูดเราด้วยแรงดึงดูด

ยิ่งจักรวาลขยายตัวออกไป ระยะห่างระหว่าง เรากับกระเป๋าแรงโน้มถ่วงอื่นๆ ก็จะยิ่งมากขึ้น

ที่แย่ไปกว่านั้นคือการขยายตัว ของจักรวาลกำลังเร่งความเร็วขึ้น

เราไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้น เราจึงใช้แนวคิดเกี่ยวกับพลังงานมืด

คุณสามารถจินตนาการว่า มันเหมือนกับเอฟเฟกต์ที่มองไม่เห็น

ซึ่งเร่งความเร็วของการขยายตัวของจักรวาลอยู่

เราจะอธิบายแนวคิดเหล่านี้ อย่างละเอียดในวิดีโออื่น

สำหรับตอนนี้สิ่งที่คุณต้องรู้ คือ จักรวาลกำลังขยายตัวเร็วขึ้นและเร็วขึ้น!

การขยายตัวนี้หมายความว่า มีขอบฟ้าจักรวาลวิทยาอยู่รอบตัวเรา

ทุกสิ่งที่อยู่เหนือสิ่งนี้มีการเดินทางเร็วกว่า เมื่อเทียบกับเรา มากกว่าความเร็วแสง

ดังนั้นทุกสิ่งที่ผ่านเส้นขอบฟ้านั้น จะไม่สามารถเข้าถึงได้ตลอดไป

และเราไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งนั้นได้อีก

ในแง่หนึ่ง มันเหมือนกับขอบฟ้าเหตุการณ์ ของหลุมดำ แต่ว่าอยู่รอบตัวเรา

94% ของกาแล็กซีที่เราพบเห็นในปัจจุบัน ได้ผ่านและหายไปจากเราตลอดกาล

เดี๋ยวก่อน ถ้าหากเราไม่สามารถโต้ตอบ กับพวกมันได้ ทำไมเรายังเห็นพวกมันอยู่ล่ะ?

วิธีที่เราสามารถมองเห็นบางสิ่งได้ คือ ผ่านทางแสง

และแม้ว่าความเร็วแสงจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุด ในการเดินทางไปในจักรวาลแล้ว

แต่มันก็ต้องใช้เวลาในการเดินทาง จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

ทุกวินาทีที่แสงส่องมาถึงเราจากกาแล็กซี หลายล้านล้านแห่ง ได้ผ่านเส้นขอบฟ้าไปแล้ว

เพราะเมื่อแสงถูกปล่อยออกมา พวกมันจะเข้าใกล้เรามากขึ้น

เรากำลังมองดูอดีตของพวกมัน และดูตำแหน่งโบราณของพวกมัน

ดังนั้นเอกภพที่สังเกตได้จึงมีขนาดใหญ่กว่า จักรวาลที่เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้จริง

ในแง่หนึ่ง จักรวาลกำลังแสดงโชว์ ที่ยอดเยี่ยมให้กับเรา

โดยแสดงให้เราเห็น สิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อมตลอดกาล

เราไม่รู้ว่ากาแล็กซีเหล่านี้มีลักษณะ เป็นอย่างไรในปัจจุบัน และเราจะไม่มีวันรู้เลย

แต่เราจะสังเกตพวกมันได้เป็นเวลานาน เมื่อแสงกระทบกล้องโทรทรรศน์ของเรา

ที่น่าสนใจคือมันหมายความว่าขณะนี้เอกภพ ที่สังเกตได้ยังคงเติบโตเมื่อมีแสงสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งถูกปล่อยออกมาจากกาแล็กซีอันไกลโพ้น เมื่อหลายพันล้านปีก่อนที่จะมาถึงเรา

ถึงอย่างนั้น กระเป๋าทั้งหมด ของจักรวาลที่อยู่นอกกลุ่มท้องถิ่น

จะผ่านขอบฟ้าจักรวาลวิทยาของเราในวันหนึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนั้น แสงของพวกมัน จะไม่สามารถมาถึงเราได้อีกต่อไป

และจากมุมมองของเรา พวกเขาจะจางหายไปในความมืด

ทุกวินาทีในชีวิตของคุณ มีดาว 60,000 ดวงผ่านเส้นขอบฟ้าไป

ตั้งแต่ที่คุณเริ่มดูวิดีโอนี้มีดาวประมาณ 22 ล้านดวง ออกจากการเข้าถึงของเราไปตลอดกาล

โอเค แต่ถ้า 94% ของเอกภพที่สังเกตได้ อยู่นอกขอบฟ้าจักรวาลและหายไปตลอดกาล

ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลืออีก 6% ที่เข้าถึงได้ ทางเทคนิค ซึ่งยังคงมีอีกมากมาย

กระเป๋ากาแล็กซีทั้งหมดที่อยู่ห่างออกไป น้อยกว่า 18 พันล้านปีแสง

พวกมันยังคงเคลื่อนตัวออกไป แต่ก็ช้าพอ ที่เราจะเข้าถึงพวกมันได้ในทางฟิสิกส์

แม้ว่าโอกาสจะลดลงในทุกวินาทีที่ผ่านไป

ทุกสิ่งที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 5 ล้านปีแสง กำลังห่างจากเราไป

แต่กลุ่มกาแล็กซีที่ใกล้ที่สุดกำลังห่างช้าสุด จึงมีกรอบเวลาที่จะข้ามกลุ่มกาแล็กซี

ความท้าทายนั้นรุนแรงมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นอารยธรรมประเภทที่ 3 ก็ตาม

แม้ด้วยความเร็วแสง การเดินทางไปยังกลุ่ม Maffei

ซึ่งเป็นกระเป๋ากาแล็กซีที่ใกล้ที่สุด นอกกลุ่มท้องถิ่น จะใช้เวลาถึง 11 ล้านปี

หากมีแรงจูงใจบางอย่างเป็นพิเศษ ที่อารยธรรมก้าวหน้าขั้นสูงใช้ความท้าทายนี้

ขอบเขตอิทธิพลที่อาจเป็นไปได้ จะขยายไปสู่หลายร้อยหรือหลายพันกาแล็กซี

แม้ว่าเวลาจะผ่านไปและจักรวาลเติบโตขึ้น พวกมันจะถูกแยกจากกันตลอดไป

มันค่อนข้างปลอดภัยที่จะสรุปว่า มนุษย์จะไม่ทำการเดินทางครั้งนี้

อย่างน้อยก็ไม่ใช่ด้วยเทคโนโลยี ที่อยู่ห่างไกลจากขอบฟ้า

สำหรับเรา กลุ่มท้องถิ่นน่าจะเป็นโครงสร้าง ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยเป็นส่วนหนึ่งมา

แค่การเดินทางระหว่างดวงดาว ก็เป็นความสำเร็จในระดับมหากาพย์แล้ว

เราจะประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเราตั้งอาณานิคมในจักรวาลของเรา

ซึ่งคิดเป็น 0.00000000001% ของเอกภพที่สังเกตได้

เมื่อพลังงานมืดผลักส่วนที่เหลือของจักรวาล ออกจากเรา กลุ่มท้องถิ่นจะผูกพันกันแน่นขึ้น

กาแล็กซีทั้งหมด ทั้งใหญ่และเล็ก จะรวมกันเป็นกาแล็กซีวงรีขนาดยักษ์

ที่มีชื่อว่า “Milkdromeda” ในอีกไม่กี่พันล้านปี

กระบวนการนี้อาจทำให้กลุ่มเมฆก๊าซขนาดใหญ่ ชนกันและอาจกระตุ้นการเกิดของดาวในบางครั้ง!

และการเกิดใหม่ของดาวจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะในจุดๆ หนึ่ง

กาแล็กซีนอก Milkdromeda จะห่างออกไป ไกลเกินกว่าที่จะสามารถตรวจจับได้

เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น จะไม่มีข้อมูลจาก นอกกลุ่มท้องถิ่นมาถึงเราอีกเลย

จักรวาลจะค่อยๆ ห่ายไปจากการมองเห็น

สิ่งมีชีวิตที่เกิดในอนาคตอันไกลโพ้น ในกาแล็กซี Milkdromeda

จะคิดว่าจักรวาลไม่มีอะไรเลย นอกจากกาแล็กซีของพวกเขาเอง

เมื่อพวกเขามองไปไกลในอวกาศที่ว่างเปล่า จะเห็นแต่ความว่างเปล่าและความมืดมากขึ้น

พวกเขาจะไม่เห็นรังสีพื้นหลังของจักรวาล และพวกเขาจะไม่มีวันเรียนรู้เกี่ยวกับบิ๊กแบง

พวกเขาจะไม่มีทางรู้ในสิ่งที่เรารู้วันนี้

ธรรมชาติของจักรวาลที่ขยายตัว เมื่อไหร่ที่มันเริ่มต้น และมันจะจบลงอย่างไร

พวกเขาอาจคิดว่าจักรวาลนั้นคงที่และเป็นนิรันดร์

Milkdromeda จะกลายเป็นเกาะ ที่อยู่ในความมืดค่อยๆ มืดลงเรื่อยๆ

ถึงอย่างนั้น ด้วยจำนวนดาวนับล้านล้านดวง กลุ่มท้องถิ่นจึงเป็นสนามเด็กเล่นที่ใหญ่พอ

ที่จะสร้างความบันเทิง ให้กับมนุษยชาติได้ชั่วขณะหนึ่ง

ท้ายที่สุด เรายังคิดไม่ออกว่า จะออกจากระบบสุริยะของเราได้อย่างไร

และอย่างน้อยเราก็มีเวลาอีกหลายพันล้านปี เพื่อสำรวจกาแล็กซีของเรา

และเราช่างโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ

เพี่อดูไม่เพียงแต่อนาคตของเรา แต่ยังรวมถึงอดีตอันไกลโพ้นของเราด้วย

เพียงแค่มองดูท้องฟ้าในยามค่ำคืน

สิ่งที่โดดเดี่ยวเหมือนกับกลุ่มท้องถิ่น คือบ้านของเรา และเป็นสถานที่ที่น่าทึ่งจริงๆ

ถึงเวลาสำหรับเนื้อหาเบื้องหลังบางส่วน

คุณอาจสังเกตเห็นว่า เราเคยทำวิดีโอนี้เมื่อหลายปีก่อน

แต่ต้นฉบับมีข้อผิดพลาดที่น่าเสียใจ

ในวิดีโอนั้นเราบอกว่าเป็นไปไม่ได้ทางกายภาพ ที่จะออกจากกลุ่มท้องถิ่นไปยังกลุ่มกาแล็กซีอื่น

แต่ขีดจำกัดการเดินทางของเรานั้นใหญ่กว่ามาก ตามที่เราแสดงให้เห็นในวิดีโอนี้

ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ทางกายภาพที่จะไป ไกลออกไป แต่มันไม่น่าเป็นไปได้มากที่จะเกิดขึ้น

แล้วทำไมเราจึงทิ้งวิดีโอเอาไว้?

มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะเกิดความผิดพลาด

เราได้พูดคุยกับนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ และพวกเขาคิดว่ามันไม่สำคัญ

ส่วนที่พวกเขาคิดว่ามีความสำคัญนั้นถูกต้อง และพวกเขาคิดว่าเราควรปล่อยไป

ด้วยความคิดเห็นนั้น เราจึงตัดสินใจสำรองวิดีโอเอาไว้

แต่ตั้งแต่ปี 2016 ต้องขอบคุณเหล่า birbs ของคุณจริงๆ

ที่ทำให้ Kurzgesagt ของเราเติบโต และเพิ่มการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กับทีม

และพัฒนากระบวนการในเชิงลึกร่วมกับ ผู้เชี่ยวชาญและรายละเอียดเอกสารที่มาของเรา

เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดประเภทนี้ และทำให้งานของเรามีความโปร่งใส

เราไม่สามารถเลี่ยงความผิดพลาดในบางครั้งได้ แต่เราสามารถทำงานหนักเพื่อให้มันดีขึ้นได้

และวิดีโอนี้จะคอยเตือนเราเสมอ ในที่สุด เราจึงตัดสินในแทนที่ ไม่ใช่แค่อัปโหลดซ้ำ

แต่ปรับปรุงให้ดีขึ้นและนานขึ้น และเพิ่ม ข้อเท็จจริงสนุกๆ ของจักรวาลเพื่อให้มันคุ้มค่า

ขอโทษที่ใช้เวลานาน เราจะทิ้งวิดีโอเก่าไว้ แต่ปักหมุดคอมเมนต์และเปลี่ยนชื่อมัน

หากคุณต้องการสนับสนุนเรา และบางครั้ง เราอาจหมดแรงแต่หวังว่ามันจะคุ้มค่า

คุณสามารถรับชม แชร์ และกดกระดิ่ง และซื้อบางสิ่งจากร้านค้าของเรา

ด้วยแรงบันดาลใจจากหัวข้อของวิดีโอนี้ เราได้สร้างโปสเตอร์ทางช้างเผือก

และโปสเตอร์กลุ่มท้องถิ่น และเรากำลังสร้างซีรีส์เกี่ยวกับทั้งจักรวาล

เยี่ยมชมร้านค้าของเรา สำหรับผลิตภัณฑ์ด้านวิทยาศาสตร์

และผลิตภัณฑ์ของ kurzgesagt ที่ออกแบบ ด้วยความรักและผลิตด้วยความเอาใจใส่

อย่างไรก็ตาม ขอบคุณสำหรับการรับชม

[Outtro]

translated by Anothertemp_