วิธีการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ (สำหรับมือใหม่) | Kurzgesagt

🎁Amazon Prime 📖Kindle Unlimited 🎧Audible Plus 🎵Amazon Music Unlimited 🌿iHerb 💰Binance

วิดีโอ

สรุป

ตลาดหุ้นคืออะไร และมันทำงานอย่างไร

ตลาดหุ้นเป็นแค่เครือข่ายยักษ์ใหญ่ทั่วโลก

ที่จัดการตลาด และทุกวันมีเงินมหาศาลถูกย้ายไปมา

รวมทั้งหมดเป็นเงิน 60 พันพันล้านยูโร (60,000,000,000,000) ต่อปี

ซึ่งมากกว่ามูลค่าของสินค้าและบริการของเศรษฐกิจโลกทั้งหมด

แต่มันไม่ใช้แอปเปิลหรือแปลงสีฟันมือสองที่ถูกค้าขายในตลาดนี้

แต่ส่วนมากเป็นหลักทรัพย์

หลักทรัพย์ คือสิทธิ์ที่มีเหนือทรัพย์สิน ส่วนมากในรูปแบบของหุ้น

หุ้น หมายถึงหุ้นที่มีในบริษัท

แต่ทำไมต้องซื้อขายหุ้นกัน

อันดับแรกและสำคัญที่สุด ค่าของหุ้นจะเกี่ยวพันธ์กับบริษัทที่ออกหุ้นน้ัน

ถ้าเราเปรียบเทียบมูลค่าของบริษัทเป็น พิซซ่า

ถ้าพิซซ่ายิ่งใหญ่ แต่ละชิ้นก็ยิ่งใหญ่เท่ากัน

ยกตัวอย่าง ถ้า Facebook สามารถเพิ่มกำไรโดยใช้โมเดลธุรกิจใหม่

ขนาดของพิซซ่าของบริษัทก็จะเพิ่มขึ้น และผลตามมาก็คือ หุ้นก็จะเพิ่มราคาด้วย

นี้มันดีสำหรับผู้ถือหุ้นบริษัทนี้

หุ้นที่เคยราคา 38 ยูโร อาจกลายมีราคา 50 ยูโร

เมื่อนำไปขายจะได้กำไรหุ้นละ 12 ยูโร

แต่ Facebook จะได้อะไรจากการขายนี้

บริษัทสามารถระดมทุนโดยการขายหุ้นและลงทุนหรือขยายกิจการก็ได้

ยกตัวอย่าง Facebook ทำเงิน $60 พันล้าน จากการเข้าตลาดหลักทรัพย์

แต่การซื้อขายหุ้นมักเป็นการเสี่ยงโชค

ไม่มีใครบอกได้ว่าบริษัทไหนจะเจริญหรือไม่

ถ้าบริษัทมีชื่อเสียงดี นักลงทุนก็จะสนับสนุน

บริษัทที่ชื่อเสียงไม่ดีหรือสมรรถภาพไม่ดีก็จะขายหุ้นไม่ออก

ผิดไปจากตลาดปกติที่เราสามารถหยิบสินค่าและเอามันกลับบ้านได้

ผิดไปจากตลาดปกติที่เราสามารถหยิบสินค่าและเอามันกลับบ้านได้

มันเป็นแต่รูปแบบราคาหุ้น และตารางบนจอคอมพิวเตอร์

ซึ่งราคาของมันอาจขึ้นลงภายในเซี่ยววินาที

เจ้าของหุ้นจึงต้องตัดสินอย่างฉับไวถ้าจะไม่พลาดโอกาศดี

แม้แต่ข่าวลือก็สามารถทำให้ความต้องการหุ้นตกอย่างรวดเร็วไม่ว่ามูลค่าจริงของบริษัทจะเป็นอย่างไร

และตรงข้ามก็เป็นไปได้

ถ้าคนจำนวนมากซื้อหุ้นที่อ่อนแอเพราะเขาเห็นว่ามีศักดิ์สูง

ราคาของหุ้นก็จะพุ่งสูงขึ้น

โดยมากบริษัทใหม่ๆ จะได้ประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้

แม้ยอดขายจะตก เขาสามารถทำเงินสดโดยขายหุ้น

ในกรณีที่ดีที่สุดก็จะทำให้ความคิดเป็นสมจริง

ในกรณีเลวร้ายสุดก็จะเกิดฟองสบู่ที่มีแต่ลมร้อน

และเหมือนฟองสบู่ทั่วไป สักวันมันจะแตก

มูลค่าของบริษัทเยอร์มันที่ใหญ่สุด 30 บริษัทจะสรุปในดัชนีที่เรียกว่า DAX

DAX แสดงว่าบริษัทเหล่านี้มีสมรรถนะอย่างไร และจึงเป็นตัวชี้วัดสมรรถนะของเศรษฐกิจทั้งมวลด้วย

ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศอื่นก็มีดัชนีของเขาด้วย

และทั้งหมดนี้ทำให้เกิดตลาดทั่วโลกที่เป็นเครือข่ายกัน