มลพิษทางพลาสติก: มนุษย์กำลังเปลี่ยนโลกเป็นพลาสติกอย่างไร | Kurzgesagt

🎁Amazon Prime 📖Kindle Unlimited 🎧Audible Plus 🎵Amazon Music Unlimited 🌿iHerb 💰Binance

วิดีโอ

สรุป

เมื่อพระเจ้าได้ให้พรอย่างหนึ่งแก่ไมดัส เขาจึงปราถนาว่าให้ทุกสิ่งอย่างที่เขาจับต้องนั้นกลายเป็นทอง

ไมดัสมีความสุขอย่างมาก ไม่ว่าจะ ต้นไม้ หิน หรือ สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ล้วนแปรเปลี่ยนเป็นทอง

แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาได้พบว่าแม้กระทั้ง อาหารก็ยังเปลี่ยนเป็นทองเช่นเดียวกัน

กระทั่งเขาได้กอดลูกสาวเขาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เขาก็พบว่ามันสายไปแล้ว

ชายผู้ร่ำรวยนี้ หิวโหย ใจสลายและโดดเดี่ยว

มนุษยชาติก็ได้รับพรคล้ายกันนี้เมื่อเราสามารถเปลี่ยนของเหลว ที่มีกลิ่นเหม็นสีน้ำตาลกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ - พลาสติก

มันถูก สะอาด สะดวก มันได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา

แต่สิ่งมหัศจรรย์ทางเทคโนโลยีนี้ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมเสียแล้ว

สิ่งแวดล้อมของเราเต็มไปด้วยพลาสติก

พวกมันอยู่ในเนื้อสัตว์ที่เรากิน และตอนนี้พวกมันก็หาทางเข้ามาอยู่ในตัวเราได้แล้ว

[อินโทร]

พลาสติกคืออะไร ?

ส่วนใหญ่ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เรานั้นใช้ สิ่งที่เราหาเจอในธรรมชาติมาสร้างสิ่งที่เราต้องการ

แต่การสร้างสรรค์พลาสติกเมื่อ 100 ปีที่แล้วนั้น ได้เปลี่ยนแปลงโลกอย่างสิ้นเชิง

พลาสติกสร้างจากโพลิเมอร์ (polymer) - กลุ่มของโมเลกุลที่ต่อกันยาวเป็นลูกโซ่

โพลิเมอร์พบเจอได้ในธรรมชาติทุก ๆ ที่ : ผนังเซลล์ ผ้าไหม เส้นผม ปีกแมลง รวมกระทั่งดีเอ็นเอ (DNA)

แต่มันก็สามารถสร้างขึ้้้นมาได้ด้วย

โดยการสลายพันธะน้ำมันดิบให้กลายเป็นส่วน ๆ และจัดเรียงใหม่เราก็จะได้โพลิเมอร์สังเคราะห์มา

โพลิเมอร์สังเคราะห์มีคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดา

พวกมันมีน้ำหนักที่เบา ทนทาน และ สามารถเป็นได้เกือบทุกรูปทรง

พลาสติกสามารถผลิตในปริมาณเยอะ ๆ ได้โดยง่าย ไม่ต้องทำงานผลิตที่กินเวลา

และวัตถุดิบมีสำรองไว้อย่างมหาศาล

และราคาถูกอย่างมาก จากนั้น ยุคทองของพลาสติกได้เริ่มต้นขึ้น

เบคิไลต์ถูกนำมาใช้สำหรับชิ้นส่วนของเครื่องกล พีวีซีสำหรับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเคส

อะคริลิคแตกหักยากนำมาใช้แทนกระจก และไนลอนสำหรับถุงเท้าและอุปกรณ์สำหรับสงคราม

ทุกวันนี้เกือบทุกอย่างสร้างจากชิ้นส่วนพลาสติก

เสื้อผ้า โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า บ้าน และ รถ

พลาสติกได้เลยจุดที่มันเป็นถูกเรียกว่าปฏิวัติโลกมาแล้ว ตอนนี้มันกลายมาเป็นขยะ

แก้วกาแฟ ถุงพลาสติก หรือกระทั่ง ถุงห่อกล้วย เราไม่ได้คิดเกี่ยวกับข้อนี้มากเท่าไหร่

พลาสติกปรากฏเกิดขึ้นแล้วจากไป

แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้หายไปไหน

การที่โพลิเมอร์สังเคราะห์มีความทนทานอย่างมาก ต้องใช้เวลา ราว 500 - 1,000 ปี เพื่อที่จะย่อยสลายมัน

แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบ เราจึงได้ใช้วัสดุ ที่มีความทนทานเช่นนี้สำหรับสิ่งที่ต้องโยนทิ้ง

40% ของพลาสติกใช้สำหรับหีบห่อ

ในสหรัฐอเมริกา ขยะจากหีบห่อนั้นได้ถูก ผลิดถึง 1/3 ของขยะทั้งหมดต่อปี

เริ่มตั้งแต่ที่มีการผลิตพลาสติกออกมานั้น เราผลิตมันออกมามากประมาณ 8.3 พันล้านตัน

แค่ในปี 2016 ปีเดียว มีมากถึง 335 ล้านตัน

พลาสติกมากกว่า 6.3 ล้านตันกลายมาเป็นขยะตั้งแต่ปี 1907

เมื่อกองรวมกันในจุด ๆ หนึ่งจะสามารถสร้างลูกบาศก์ที่มีความสูงถึง 1.9 กิโลเมตร

เราจัดการขยะพวกนี้อย่างไรล่ะ?

9% ถูกรีไซเคิล 12% ถูกเผา

แต่

79% ที่เหลือยังคงไม่ถูกกำจัดออกไป

ส่วนใหญ่จบลงที่ในมหาสมุทร ประมาณ 8 ล้านตันต่อปี

นั่นคือมีจำนวนพลาสติกมหาศาลชนิดที่ว่าจะมีมวลรวม มากกว่าสัตว์ทุกชนิดที่อาศัยในมหาสมุทรภายในปี 2050

เพราะว่ามันอยู่ทุกที่ สัตว์น้ำติดกับพลาสติก และได้กลืนมันลงไป

ในปี 2015 มีนกทะเลถึง 90% ได้กินพลาสติกลงไป

สัตว์หลายชนิดอดตายเพราะกินขยะที่ไม่ย่อยลงไปในท้อง ในปี 2018 วาฬสเปิร์มที่ตายถูกพัดมาที่ชายฝั่งสเปน

มันได้กินถุงพลาสติก ตาข่ายและกลอง มีน้ำหนักถึง 32 กิโลกรัม

ในขณะที่มันน่าสงสารและเป็นข่าวแพร่หลายในหน้าปก แม็กกาซีนนั้น ยังมีอีกสิ่งที่ได้แพร่กระจายไปเยอะกว่า

พลาสติกที่มองไม่เห็น

ไมโครพลาสติก

Microplastics ชิ้นเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร

บางตัวถูกนำมาใช้ในเครื่องสำอางหรือยาสีฟัน

แต่ส่วนมากจะพบที่ขยะลอยอยู่ และมันสัมผัสรังกับสียูวีต่อเนื่อง

แล้วจากนั้นก็สลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

มีจำนวนมากกว่า 51 ล้านล้านชิ้นลอยอยู่ในมหาสมุทร

มันถูกกลืนโดยสัตว์ทุกชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำ

สาเหตุนี้ได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์กังวล

โดยเฉพาะผลกระทบต่อสุขภาพจากสารเคมีที่ถูกเติม ลงไปในพลาสติก

เช่น BPA ที่ทำให้ขวดพลาสติกดูใสขึ้น แต่มันก็มีหลักฐานว่า

มันจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระบบฮอร์โมนในร่างกายของเรา DEHP ทำให้พลาสติกยืดหยุ่นได้

แต่อาจทำให้เป็นมะเร็งได้

มันจะเลวร้ายถ้าไมโครพลาสติกเป็นพิษ เพราะพวกมันเดินทางเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร

แพลงก์ตอนกินไมโครพลาสติก ปลาตัวเล็กกินแพลงก์ตอน

หอยนางรม ปูทะเล และปลาก็เช่นกัน และทั้งหมดนั้นก็มาอยู่บนจานอาหารของเรา

ไมโครพลาสติกพบได้ในน้ำผึ้ง เกลือทะเล ในเบียร์ น้ำประปา และฝุ่นในครัวเรือนรอบ ๆ ตัวเรา

8 ใน 10 ของทารก และผู้ใหญ่เกือบทั้งหมด

มีพทาเลท (สารเติมแต่งในพลาสติก) ในร่างกาย

และ 93% ของประชากรมี BPA ในปัสสาวะของพวกเขา

มีงานวิจัยเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ จนถึงตอนนี้ และยังไม่สามารถสรุปได้

เราจำเป็นต้องมีการวิจัยมากขึ้น ก่อน จะตื่นตระหนกได้อย่างมีเหตุอันควร

แต่เราก็สามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่า เราไม่มีแผนเกี่ยวกับมันและเราเสียการควบคุม

พลาสติกอย่างมีนัยสำคัญมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก

แต่เพื่อความมั่นใจ เราควรจะห้ามการใช้พลาสติกถูกไหม?

แต่น่าเสียดายที่มันยุ่งยากกว่านั้น

มลพิษทางพลาสติกไม่ได้เป็นเพียง ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เราเผชิญเท่านั้น

ตัวทดแทนพลาสติกบางชนิดที่เราใช้ มีผลต่อสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้นในรูปแบบอื่น ๆ

อย่างเช่น :

จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยรัฐบาลเดนมาร์ก,

การผลิตถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย และเกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่ต่ำกว่า

เทียบกับถุงผ้าฝ้ายที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ซึ่งคุณต้องใช้ถุงผ้าฝ้าย 71,000 ครั้ง

มันถึงมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าถุงพลาสติกนี้

เราเหลือทางเลือกที่ซับซ้อนมาก ทุกอย่างมีผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

และมันยากที่จะหาสมดุลระหว่างพวกนั้น

พลาสติกยังช่วยแก้ปัญหาที่เราไม่มีคำตอบที่ดีในขณะนี้

ทั่วโลก 1 ใน 3 ของอาหารทั้งหมดที่ผลิตไม่ได้กิน และจบลงที่เน่าเปื่อยฝังกลบในที่ผลิตก๊าซมีเธน

และวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันอาหารเน่าเสียและ หลีกเลี่ยงของเสียที่ไม่จำเป็นยังคงเป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติก

ที่สำคัญคือต้องทราบว่าขยะเหล่านี้ ส่วนใหญ่ของโลกมาจากที่ใดในตอนนี้

90% ของขยะพลาสติกทั้งหมดไหลลงสู่มหาสมุทรผ่านแม่น้ำ มาจากแม่น้ำเพียง 10 แห่งในเอเชียและแอฟริกา

แม่น้ำแยงซีในประเทศจีน มีการระบายขยะ ลงสู่มหาสมุทรในแต่ละปีถึง 1.5 ล้านตัน

ประเทศต่าง ๆ เช่น จีน อินเดีย

แอลจีเรีย หรือ อินโดนีเซีย

อุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ ทศวรรษที่ผ่านมา,

ได้เปลี่ยนชีวิตของคนนับพันล้าน

การพัฒนานี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว,

จนโครงสร้างพื้นฐานในการกำจัดขยะไม่สามารถรวบรวม และรีไซเคิลขยะที่ถูกนำมาทิ้งใหม่ได้ทัน

หากนักการเมืองในยุโรปและสหรัฐฯต้องการแก้ไขปัญหานี้

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ในประเทศกำลังพัฒนามีความสำคัญเช่นเดียวกับ

การต่อสู้มลพิษทางพลาสติกที่บ้านด้วยแคมเปญและ การออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อลดความจำเป็น

ในการผลิตพลาสติก

ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ หากเรายังไม่ได้มองปัญหามลภาวะทาง พลาสติกในสเกลโลก เราจะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้เลย

มลพิษทางพลาสติกเป็นปัญหาที่ซับซ้อนอย่างมาก

เราค้นพบวัสดุที่น่ามหัศจรรย์นี้ และเรามีช่วงเวลาที่ดีมากกับมัน

แต่เราจำเป็นต้องระมัดระวัง หรือจะเป็นเหมือนกับไมดัส ที่จะจบลงในโลกที่เราไม่ต้องการ

การกระทำรายวันของแต่ละบุคคลยังคงมีผลกระทบ อย่างใหญ่หลวง สิ่งที่คุณทำมีความสำคัญ!

หลีกเลี่ยงพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง โน้มน้าวให้เพื่อนและครอบครัวของคุณทำเหมือนกัน

กดดันพวกบริษัทและนักการเมืองให้ลงมือทำสิ่งที่จำเป็นต่อการ ทำให้มหาสมุทรของเราสะอาดและอาหารของเราปลอดภัย

ร่วมมือกัน เราสามารถเอาชนะมลพิษทางพลาสติกได้!

วิดีโอนี้เป็นความร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติด้านสิ่ง แวดล้อม (UN Environment) และแคมเปญเรื่องทะเลที่สะอาด

หากคุณต้องการลงมือเพื่อเปลี่ยนทิศวิกฤติกาลพลาสติก ให้ไปยัง cleanseas.org และให้การสนับสนุน