3เหตุผลที่พลังงานนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่แย่! | Kurzgesagt

🎁Amazon Prime 📖Kindle Unlimited 🎧Audible Plus 🎵Amazon Music Unlimited 🌿iHerb 💰Binance

วิดีโอ

สรุป

นี่คือสามเหตุผลว่าทำไมเราควรหยุดใช้พลังงานนิวเคลียร์

ข้อหนึ่ง: การแพร่ขยายของอาวุธนิวเคลียร์

เทคโนโลยีทางด้านนิวเคลียร์ เปิดประตูความขัดแย้งบนเวทีโลก

เพียงหนึ่งปีหลังจากการทดลองใช้ระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรก ในปี ค.ศ.1994

เมืองใหญ่สองเมืองถูกทำลายโดยระเบิดเพียงสองลูกเท่านั้น

หลังจากนั้นเทคโนโลยีปฏิกรณ์นิวเคลียร์พัฒนาได้ช้า

ในวัตถุประสงค์ด้านการผลิตพลังงาน

แต่ในกรณีของอาวุธนิวเคลียร์กลับตรงกันข้าม

มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

หากปราศจากการเข้าถึงเทคโลยีปฏิกรณ์นิวเคลียร์

ในสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีวัตถุประสงค์

เพื่อการเผยแพร่เทคโนโลยีปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โดยไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์

มีความสำเร็จค่อนข้างจำกัด

ใน 40 ปีที่ผ่านมา ห้าชาติได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง

ด้วยเทคโนโลยีปฏิกรณ์นิวเคลียร์

ความจริงคือ การแยกแยะ โครงการอาวุธนิวเคลียร์ลับ

จาก การใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ นั้นยากมาก

ในปี 1970 ผู้นำด้านนิวเคลียร์ได้ขายเทคโลยีนิวเคลียร์สันติ

ให้แก่ประเทศอื่น ซึ่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เป็นเวลาต่อมา

ทางไปสู่อาวุธนิวเคลียร์นั้น ถูกปูทางด้วยการใช้นิวเคลียร์อย่างสันติอยู่เสมอ

ข้อสอง: กากนิวเคลียร์และมลพิษ

เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ถูกใช้แล้วไม่เพียงแต่มีกัมตภาพรังสีเท่านั้น แต่หาก

มีเคมีสสารที่มีพิษมาก เช่นพลูโตเนียม

ซึ่งใช้ระยะเวลาหลายพันปีถึงจะสูญเสียความอันตราย

และยังมีกระบวนการที่เรียกว่า การนำกลับมาใช้ใหม่ซึ่งคือ

การสกัดพลูโตเนียม จากกากนิวเคลียร์

มีจุดประสงค์สองอย่าง

คือเอาไปทำสร้างอาวุธนิวเคลียร์ หรือ นำกลับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงใหม่

แต่การนำกลับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงใหม่นั้นแทบนับนิ้วได้

เพราะว่าเราไม่มีเตาปฏิกรณ์สำหรับการนำมาใช้ใหม่

กากนิวเคลียร์ เพียงหยิบมือก็สามารถฆ่าคุณได้; ไม่กี่โล สามารถเอาไปทำระเบิดปรมาณู

แม้กระทั่งประเทศเยอรมณีก็อยู่หลายตันเลยทีเดียว

แค่ล้อเล่นน่า หลายสิบปีที่แล้วการนำมาใช้ใหม่เป็นความคิดที่ดี

อ้าว แล้วกากนิวเคลียร์จะไปอยู่ไหนหละ?

หลังจากทิ้งกากนิวเคลียร์ลงมหาสมุทรได้ถูกห้าม เราจึงทำการฝังมัน

แต่เราไม่สามารถหาสถานที่ ที่ มัน

จะปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์นับเป็นพัน ๆ ปี

มีโรงงานนิวเคลียร์เกือบ400โรงงาน ใน30ประเทศทั่วโลก

ซึ่งทำให้มีกากนิวเคลียร์หลายพันตันที่ต้องจัดการ

มีฟินแลนด์เพียงชาติเดียวเท่านั้นที่สนใจที่จะสร้าง

ที่เก็บกากนิวเคลียร์ถาวร

ข้อสาม: อุบัติเหตุและภัยพิบัติทางนิวเคลียร์

กว่า 60 ปีของการใช้พลังงานนิวเคลียร์ มีการเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ 7 ครั้ง

ในการจัดการกากนิวเคลียร์

สามในเจ็ดสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ที่เหลือไม่สามารถควบคุมได้

ซึ่งทำให้มีการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี ไปสู่สภาพแวดล้อมโดนรอบ

ในปี 1957, 1987 และ 2011 พื้นที่ขนาดใหญ่รัสเซีย, ยูเครนและญี่ปุ่น

ทำให้พื้นที่เหล่านั้นไม่เหมาะสมแก่การอยู่อาศัย

ยอดการเสียชีวิตไม่แน่นอนแต่สามารถคาดเดาได้ว่าอาจถึงหลายพันชีวิต

ภัยพิบัติเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์คนละชนิด

คนละประเทศ และคนละทศวรรษ

ตัวเลขเต่อนี้อาจทำให้เราถามตัวเอง

“10% ของการจัดหาพลังงานของโลก

คุ้มกับภัยพิบัติร้ายแรง ทุก 30 ปี ไหม?

แล้ว 30% คุ้มกับการที่จะเกิดเหตุการณ์แบบ ฟุกุชิมะหรือเชอร์โนบิล

ที่ไหนสักแห่งบนโลกทุก 10 ปี ไหม?

พื้นที่ไหนที่ต้องมีการปนเปื้อน จนเราพูดว่า ‘พอแล้ว’?

มันควรจะจบที่ตรงไหน? "

เราควรใช้พลังงานนิวเคลียร์ไหม ?

ข้อเสียมากกว่าข้อดี เราควรหยุด

แล้วมองลงไปยังเส้นทางนี้ แล้วหยุดเพื่อประโยชน์เสียที

หากคุณต้องการที่จะได้ดูด้านอื่น ของข้อโต้แย้ง

หรือการแนะนำสั้นๆ ของ พลังงานนิวเคลียร์คลิกที่นี่