ยารักษาความไม่พอใจในชีวิต | Kurzgesagt

🎁Amazon Prime 📖Kindle Unlimited 🎧Audible Plus 🎵Amazon Music Unlimited 🌿iHerb 💰Binance

วิดีโอ

สรุป

เราทุกคนคุ้นเคยกับความรู้สึก

ที่อะไรๆไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น

ว่าเราไม่ประสบความสำเร็จพอ

ความสัมพันธ์ของเราไม่เป็นที่น่าพอใจ

เราไม่ได้ในสิ่งที่เราอยากได้

เป็นความรู้สึกไม่พอใจเรื้อรัง

ที่ทำให้เรามองใครๆด้วยความอิจฉา

และสะท้อนกลับมาด้วยความผิดหวัง

วัฒนธรรมสมัยใหม่ โฆษณา และ

สังคมออนไลน์ ยิ่งทำให้ความรู้สึกนี้แย่เข้าอีก

ด้วยการตอกย้ำว่าการไม่พยายามไปให้ถึง

ในสิ่งที่เราฝันไว้ เป็นความล้มเหลว

คุณจะต้องมี

ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นใหม่ๆตลอดเวลา

ดูดี ในแบบที่สังคมเชื่อ

มีเพื่อนเยอะๆ

และเจอเนื้อคู่ที่แท้จริง

และอื่นๆอีกมากมาย

ต้องมีสิ่งเหล่านี้

และต้องมีความสุขที่แท้จริง

และ แน่นอน บรรดาสินค้าที่เกี่ยวกับ

การปรับปรุงตนเอง

มักจะบอกเป็นนัยๆว่า ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของคุณเอง

ที่เราไม่พยายามด้วยตัวเราเองให้มากพอ

ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา

นักวิจัยได้เริ่มศึกษา

ว่าเราจะรับมือกับปัญหา

ความรู้สึกเชิงลบนี้ได้อย่างไร

จึงได้เกิดสาขาจิตวิทยาเชิงบวกขึ้น

ซึ่งเป็นการศึกษาว่าอะไรทำให้ชีวิตมีความหมาย

ที่ได้พัฒนาวิธีการบำบัดด้วยการปรับพฤติกรรม

เพื่อเปลี่ยนความรู้สึกเชิงลบเหล่านี้

นักวิทยาศาสตร์เริ่มด้วยคำถามว่า

“ทำไมคนบางคนถึงมีความสุข

รู้สึกพอใจกับชีวิตมากกว่าคนอื่น?”

“และมีวิธีที่จะนำวิธีคิดของพวกเขา

มาปรับใช้กับคนอื่นได้อย่างไร?”

ในวีดีโอนี้ เราจะขอพูดถึง

หนึ่งในปัจจัยที่คาดว่ามีผลกระทบมากที่สุด

ว่าคนเราจะมีความสุขมากน้อยแค่ไหน

รู้จักเพื่อนใหม่ได้ง่ายแค่ไหน

และความสามารถในการ

จัดการกับอุปสรรคในชีวิต

ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็น ยารักษาความรู้สึกไม่พอใจในชีวิต

นั่นก็คือ ความรู้สึกขอบคุณ

แม้ว่าคำว่า ความรู้สึกขอบคุณ จะฟังเหมือน

ศัพท์ในแนวศาสตร์การปรับปรุงตนเอง

ที่คนชอบใช้กันในแฮชเทค

แต่สิ่งที่เรากำลังพูดถึงเป็นผลจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

ที่เราได้รวบรวมไว้ในส่วนคำอธิบายข้างล่าง

ความรู้สึกขอบคุณ อาจมีความหมายที่ต่างกันในแต่ละคน แต่ละสถานการณ์

มันเป็นคุณลักษณะทางนิสัย ความรู้สึก สำนึก และพฤติกรรม

คุณสามารถรู้สึกขอบคุณต่อคนที่ทำอะไรๆให้คุณ

ต่อเหตุการณ์ต่างๆ เช่นสภาพอากาศ

หรือแม้แต่กับธรรมชาติหรือโชคชะตา

และความรู้สึกนี้มันฝังอยู่ในโครงสร้างชีวภาพของเรา

1: ความรู้สึกขอบคุณ เชื่อมความสัมพันธ์ของพวกเราได้อย่างไร

บรรพบุรุษของความรู้สึกขอบคุณอาจจะมาจากการแลกเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน

ซึ่งน่าจะวิวัฒนาการในลักษณะสัญญาณทางชีวภาพ

ที่กระตุ้นให้สัตว์แลกเปลี่ยนสิ่งของเพื่อประโยชน์ร่วมกัน

และพบในอาณาจักรสัตว์

ในหมู่ปลาบางชนิด นก หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ตระกูลลิง

เมื่อสมองรับรู้ว่ามีใครทำอะไรดีๆให้เรา

มันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยความรู้สึกขอบคุณ ที่กระตุ้นให้เราอยากตอบแทน

ความรู้สึกขอบคุณนี้จะทำให้คุณรู้สึกห่วงใยคนอื่น

และคนอื่นก็ห่วงใยคุณ

ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญ

เพราะในขณะที่สมองมนุษย์เริ่มอ่านอารมณ์ได้ดีขึ้น

คนที่เห็นแก่ตัวก็จะถูกมองว่าเป็นคนไม่น่าคบ

มันจึงกลายเป็นความได้เปรียบทางวิวัฒนาการในการอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ดี

และก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณหิว

และมีใครมาบอกว่าจะหาผลเบอร์รี่อร่อยๆได้ที่ไหน

คุณก็จะรู้สึกขอบคุณต่อคนๆนั้น

และเกิดเป็นความตั้งใจอยากตอบแทนในอนาคต

ซึ่งเป็นสิ่งที่นำไปสู่การเข้าสังคม

เมื่อคุณตอบแทนบุณคุณ พวกเขาก็จะรู้สึกขอบคุณคุณ

สิ่งนี้ดึงให้บรรพบุรุษคุณใกล้ชิดกันมากขึ้น

และก่อเป็นความผูกพันธ์และมิตรภาพ

ดังนั้น ความรู้สึกขอบคุณในรูปแบบแรกๆจึงเป็นกลไกทางชีววิทยา

ที่เปลี่ยนให้คุณมีพฤติกรรมในการเกื้อกูลกันมากขึ้น

ซึ่งช่วยให้มนุษย์ครองโลก

แต่เมื่อเวลาผ่านไป

ความรู้สึกขอบคุณกลายเป็นแค่แรงกระตุ้นให้อยู่กันอย่างยุติธรรม

2: ผลพวงจากความรู้สึกขอบคุณ

นักวิทยาศาสตร์พบว่า ความรู้สึกขอบคุณกระตุ้นเส้นทางการทำงานในสมอง

ที่เกี่ยวกับความรู้สึกได้รับการตอบแทน,

การสร้างสัมพันธ์ทางสังคม,

และการแปลเจตนาของผู้อื่น

มันยังทำให้การจดจำและระลึกถึงความทรงจำเชิงบวก ง่ายขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกขอบคุณช่วยลดความรู้สึกและนิสัยเชิงลบ ได้โดยตรงอีกด้วย

เช่น ความอิจฉา และการเปรียบเทียบทางสังคม,

ความหลงตัวเอง,

การรู้สึกดูถูกถากถาง

และความเป็นวัตถุนิยม

ผลที่ตามมาคือ คนที่มีความรู้สึกขอบคุณ ไม่ว่าจะกับอะไรก็ตาม

มีแนวโน้มที่จะมีความสุข และพอใจในชีวิตมากกว่า

คนเหล่านี้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่า

คบเพื่อนใหม่ได้ง่ายกว่า

นอนหลับง่ายกว่า

มีแนวโน้มที่จะมีอาการซึมเศร้า, เสพติด, และเหนื่อยหน่าย น้อยกว่า

และสามารถจัดการกับเรื่องร้ายๆได้ดีกว่า

เรียกได้ว่า ความรู้สึกขอบคุณทำให้คุณมีโอกาสติดกับดักจิตวิทยา

ที่ชีวิตยุคใหม่วางไว้ น้อยกว่า

ตัวอย่างเช่น ความรู้สึกขอบคุณจะต้านทานแนวโน้มที่จะ

ลืมและเพิกเฉยต่อเหตุการณ์เชิงบวก ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ถ้าคุณทำงานหนักมาอย่างยาวนานเพื่อให้ได้อะไรบางอย่าง

พอได้สิ่งนั้นจริงๆกลับรู้สึกกลวงไร้ความหมาย

คุณก็จะย้อนกลับไปสู่ความรู้สึกไม่เติมเต็ม อย่างในตอนแรก

และพยายามเอื้อมไปคว้าในสิ่งที่ใหญ่ขึ้นต่อไป

เพื่อค้นหาความพอใจในชีวิตที่อยากได้

แทนที่จะรู้สึกพอใจในตัวเอง

หรือ ลองนึกว่าถ้าคุณเหงาและอยากจะมีเพื่อนมากขึ้น

คุณอาจจะมีใครบางคน

หรือหลายๆคนที่อยากจะพบปะกับคุณด้วย

แต่คุณก็อาจจะรู้สึกว่านั่นยังไม่พอ

รู้สึกว่าคุณเป็นคนขี้แพ้ และรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง

คุณจึงตอบปฏิเสธเพื่อนที่พยายามจะนัดเจอคุณ

คุณก็ยิ่งรู้สึกเหงาเข้าไปอีก

ในทางกลับกัน ถ้าคุณรู้สึกขอบคุณต่อความสัมพันธ์ที่คุณมี

คุณก็อาจจะตอบรับคำชวนเชิญ

หรือไม่ก็เป็นคนเริ่มชวนนัดพบคนอื่นก่อนด้วยซ้ำ

ยิ่งคุณเสี่ยงที่จะเปิดใจบ่อยขึ้น

ยิ่งเพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์นั้นให้แน่นแฟ้นขึ้น

และพบเพื่อนใหม่ๆมากขึ้น

สิ่งที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้คือ ความรู้สึกขอบคุณสามารถก่อให้เกิดวงจรสะท้อนกลับเชิงบวก

ความรู้สึกเชิงบวกจะนำไปสู่พฤติกรรมการเข้าสัมคมมากขึ้น

ซึ่งจะนำไปสู่ประสบการณ์ทางสังคมเชิงบวกมากขึ้น

ที่ทำให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกมากขึ้นไปอีก

นี่เป็นเรื่องปกติหลังจากได้ผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากมา

เช่น การรักษายาคีโมฯ

เราสามารถรู้สึกดีสุดๆกับชีวิตได้ หลังจากวิกฤตผ่านพ้นไป

สิ่งเล็กๆน้อยๆ สามารถเป็นต้นกำเนิดความปิติได้อย่างไม่รู้จบ

จากการกลับมารับรสชาดได้

ถึงแค่การได้นั่งรับแสงแดด หรือได้พูดคุยกับเพื่อน

เอาเข้าจริงๆแล้ว ชีวิตคุณอาจจะเหมือนเดิม หรืออาจจะแย่กว่าเดิมนิดหน่อย

แต่สมองคุณ เทียบประสบการณ์ที่คุณได้รับในขณะนี้

กับเมื่อตอนที่ชีวิตคุณแย่ๆ

และตอบรับด้วยความรู้สึกขอบคุณ

ดังนั้น โดยสังเขปแล้ว

ความรู้สึกขอบคุณ เปลี่ยนจุดสนใจของคุณใหม่ ไปยังสิ่งดีๆที่คุณมีอยู่แล้ว

และผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงนี้

คือความรู้สึกที่ดีขึ้น และประสบการณ์ที่เป็นเชิงบวกมากขึ้น

แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่เราได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้

แต่มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เรามีความรู้สึกที่ดีมากขึ้น?

3: วิธีทำให้สมองคุณมีความรู้สึกขอบคุณมากขึ้น

ความสามารถในการรู้สึกขอบคุณได้มากหรือน้อย

ไม่ได้มีอยู่อย่างเท่าเทียมกันในแต่ละคน

คุณมีสิ่งที่เรียกว่า ลักษณะนิสัยรู้สึกขอบคุณ

ที่เป็นตัวกำหนดว่า คุณจะสามารถรู้สึกได้มากน้อยแค่ไหน

ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม บุคคลิกภาพ และวัฒนธรรม ของคุณ

การค้นพบนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่า

พวกเขาจะสามารถคิดแบบฝึกหัดที่เปลี่ยนนิสัยรู้สึกขอบคุณ

และนำไปสู่การมีความสุขมากขึ้นได้หรือไม่

ขอเริ่มด้วยข้อจำกัดที่สำคัญคือ

ทุกวันนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เราจะฝึกความรู้สึกขอบคุณได้มากน้อยแค่ไหน

หรือผลมันจะอยู่ได้นานแค่ไหน

ไม่มียาวิเศษสำหรับการสร้างความสุข

ชีวิตมันซับซ้อน

บางวัน คุณอาจรู้สึกว่าคุณควบคุมทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวคุณได้

และบางวัน คุณอาจไม่รู้สึกอย่างนั้น

ซึ่งมันก็โอเค

ในทำนองเดียวกัน บางครั้งการพยายามค้นหาความสุขก็ทำให้เรายิ่งไม่มีความสุข

ถ้าคุณกดดันตัวเองมากเกินไป

เราก็ไม่ควรมองความรู้สึกขอบคุณว่าเป็นการยาแก้อาการซึมเศร้า

หรือเป็นสิ่งที่จะสามารถทดแทนความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพได้

มันเป็นแค่ชิ้นส่วนของปริศนาชิ้นเดียวเท่านั้น

มันไม่ใช่คำตอบของปริศนาทั้งหมด

แบบฝึกหัดฝึกความรู้สึกขอบคุณ ที่มีงานวิจัยรับรองผลมากที่สุด

คือ การจดบันทึกความขอบคุณ

ซึ่งก็คือการนั่งจดบันทึกโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที

1 ถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์

และเขียน 5 ถึง 10 สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ

มันอาจจะรู้สึกแปลกๆในตอนแรก

จึงควรเริ่มต้นง่ายๆก่อน

คุณสามารถรู้สึกขอบคุณในสิ่งเล็กๆน้อยๆได้หรือไม่?

เช่น ความหอมกรุ่นของกาแฟ

หรือมีคนใจดีกับเรา

คุณสามารถรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่คนอื่นทำให้ได้หรือไม่?

คุณสามารถนึกถึงสิ่งของหรือคนที่คุณจะคิดถึง ถ้าพวกเขาจากไป

และรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาอยู่ในชีวิตคุณได้หรือไม่?

เราทุกคนแตกต่างกัน

ฉะนั้น คุณรู้ดีว่าอะไรเวิร์คสำหรับคุณ

เท่านั้นแหละ จริงๆ!

มันอาจฟังดูรู้สึกง่ายจนไม่มีอะไร

เหมือนว่ามันไม่น่าจะง่ายซะขนาดนั้น

แต่จากการศึกษาจำนวนมาก

ผู้เข้าร่วมงานวิจัย ต่างบอกว่าเขารู้สึกมีความสุขขึ้น

และรู้สึกพอใจในชีวิตโดยรวมมากขึ้น

หลังจากทำแบบฝึกหัดนี้ไปไม่กี่สัปดาห์

และยิ่งไปกว่านั้น

การศึกษายังพบความเปลี่ยนแปลงของการทำงานของสมอง

เป็นเวลาหลายเดือนหลังจากพวกเขาจบแบบฝึกหัดแล้ว

การฝึกความรู้สึกขอบคุณอาจเป็นวิธีการเขียนโปรแกรมใหม่ให้ตัวคุณเองที่ได้ผลจริง

งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า อารมณ์ความรู้สึกคุณไม่ได้ฟิกซ์ตายตัว

ในที่สุดแล้ว การที่คุณรู้สึกกับชีวิตอย่างไรนั้น

มันสะท้อนออกมาจากความเชื่อที่คุณมีต่อชีวิต

ถ้าคุณเจาะไปที่แก่นความเชื่อเกี่ยวกับตัวคุณและชีวิตคุณ

คุณจะสามารถเปลี่ยนความคิดและความรู้สึก

ซึ่งก็จะเปลี่ยนพฤติกรรมคุณไปโดยอัตโนมัติ

มันไม่น่าเชื่อที่เรื่องง่ายๆอย่างการสะท้อนตัวเอง

จะสามารถทะลวงเส้นทางการทำงานในสมองของเราเพื่อต่อสู้กับความรู้สึกไม่พอใจในชีวิต

และถ้าสิ่งนี้ยังไม่เหตุผลพอที่จะทำให้มองโลกในแง่ที่ดีขึ้น

แล้วจะมีอะไรอีกล่ะ?

เป็นมนุษย์นั้นมันลำบาก

แต่มันไม่เห็นจะต้องลำบากขนาดนั้น

และถ้าคุณตั้งใจมองหาจริงๆ

คุณอาจจะพบว่าชีวิตคุณมันดีกว่าที่คุณเคยคิดไว้

[หมาน้อยเหาด้วยความดีใจ]

[เสียงแตรงานปาร์ตี้]

ถ้าคุณอยากรู้และอยากลองทำแบบฝึกหัดขอบคุณ

เราได้ทำของไว้อย่างนึง

ขอบอกไว้ก่อนว่า คุณไม่ต้องซื้ออะไรจากใครเพื่อฝึกความรู้สึกขอบคุณ

แค่กระดาษ ปากกา และเวลา 5 นาทีเท่านั้น

ไหนๆก็ไหนๆ เราได้ทำสมุดบันทึกความรู้สึกขอบคุณ “คอร์ซเกอซาซท์”

จากการอ่านงานวิจัยศึกษา,

จากการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ

และจากประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเรา เกี่ยวกับความรู้สึกขอบคุณในช่วงปีที่ผ่านมา

สมุดมีรูปแบบที่ทำให้ง่ายต่อการ

ทำให้การจดบันทึกความขอบคุณเป็นนิสัย

มีคำอธิบายสั้นๆและการสะท้อนตัวเองผสมอยู่ด้วย

ที่ทำให้น่าสนใจขึ้น

เรายังได้ทำมันออกมาให้สวยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

วีดีโอนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดวีดีโออย่างไม่เป็นทางการ

ที่ค่อนข้างส่วนตัว และสะท้อนตัวตน

ตั้งแต่เรื่องลัทธิสุญนิยมเชิงบวก ความเหงา และตอนนี้ ความรู้สึกขอบคุณ

เราไม่อยากจะเป็นช่องเกี่ยวกับการช่วยเหลือตัวเอง

ดังนั้น เราจะทำวิดีโอลักษณะนี้ประมาณ 1 ตอนต่อปี

เราหวังว่ามันมีประโยชน์สำหรับคุณบางคน

ขอบคุณที่รับชม

[ดนตรีจบรายการ]

[แควก] [ดนตรีจบรายการ]

[ดนตรีจบรายการ]